Difference between revisions of "การคิดสร้างสรรค์(Creativity)"
(→ความหมาย) |
(→ความหมาย) |
||
(9 intermediate revisions by the same user not shown) | |||
Line 7: | Line 7: | ||
*กระบวนการจินตนาการซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างเป็นผู้ริเริ่มแรก และมีคุณค่า(Rodinson,2001) | *กระบวนการจินตนาการซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างเป็นผู้ริเริ่มแรก และมีคุณค่า(Rodinson,2001) | ||
*การมีคุณลักษณะของความใหม่ ประสิทธิผลและมีจริยธรรม(Cropley,2001) | *การมีคุณลักษณะของความใหม่ ประสิทธิผลและมีจริยธรรม(Cropley,2001) | ||
− | นอกจากนี้กิลฟอร์ดและทอแรนซ์ (Guilford and Torance, 1960) ได้แบ่งความคิดสร้างสรรค์ออกเป็น 4 ประเภท คือ 1) ความคิดคล่องตัว 2)ความคิดยืดหยุ่น 3) | + | นอกจากนี้กิลฟอร์ดและทอแรนซ์ (Guilford and Torance, 1960) ได้แบ่งความคิดสร้างสรรค์ออกเป็น 4 ประเภท คือ 1) ความคิดคล่องตัว 2)ความคิดยืดหยุ่น 3)ความละเอียดละออ และ 4)ความริเริ่ม |
::อาจกล่าวโดยรวมได้ว่าความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดของสมองซึ่งสามารถคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่ สามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎีหรือปฏิบัติได้อย่างรอบคอบและถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและนวัตกรรม | ::อาจกล่าวโดยรวมได้ว่าความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดของสมองซึ่งสามารถคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่ สามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎีหรือปฏิบัติได้อย่างรอบคอบและถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและนวัตกรรม | ||
CREATIVITY มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน “CREO” = TO CREATE, TO MAKE =สร้างหรือทำให้เกิด | CREATIVITY มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน “CREO” = TO CREATE, TO MAKE =สร้างหรือทำให้เกิด | ||
− | ความคิดสร้างสรรค์คือ ปรากฏการณ์ที่บุคคลสร้างสรรค์”สิ่งใหม่” อาทิ ผลผลิต การแก้ปัญหา นวัตกรรม หรืองานศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีคุณค่า การจะตีความเกี่ยวกับ”ความใหม่” ขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์หรือสังคม หรือแวดวงที่สิ่งใหม่นั้นเกิดขึ้น การประเมินคุณค่าก็ในทำนองเดียวกัน คุณสมบัติที่มักใช้ในการตีความ “ความใหม่” ประกอบด้วย | + | ความคิดสร้างสรรค์คือ ปรากฏการณ์ที่บุคคลสร้างสรรค์”สิ่งใหม่” อาทิ ผลผลิต การแก้ปัญหา นวัตกรรม หรืองานศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีคุณค่า การจะตีความเกี่ยวกับ”ความใหม่” ขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์หรือสังคม หรือแวดวงที่สิ่งใหม่นั้นเกิดขึ้น การประเมินคุณค่าก็ในทำนองเดียวกัน คุณสมบัติที่มักใช้ในการตีความ “ความใหม่” ประกอบด้วย (เพ็ญนิดา, 2560) |
*สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน | *สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน | ||
Line 26: | Line 26: | ||
*เปลี่ยนแนวคิดที่แตกต่างจากผู้อื่น | *เปลี่ยนแนวคิดที่แตกต่างจากผู้อื่น | ||
− | + | [[File:Maker3.jpg|300px|right]] [[File:Maker6.jpg|300px|right]] | |
− | + | ||
+ | นอกจากนี้ความคิดสร้างสรรค์คือ ความคิดใหม่ ๆ แนวทางใหม่ ๆ ทัศนคติใหม่ ๆ ความเข้าใจและการมองปัญหาในรูปแบบใหม่ ผลลัพท์ของความคิดสร้างสรรค์ที่ชัดเจน คือ ดนตรี การแสดง วรรณกรรม ละคร สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมทางเทคนิค แต่บางครั้งความคิดสร้างสรรค์ก็มองไม่เห็นชัดเจน เช่น การตั้งคำถามบางอย่างที่ช่วยขยายกรอบของแนวคิดซึ่งให้คำตอบบางอย่าง หรือการมองโลกหรือปัญหาในแนวนอกกรอบ | ||
+ | |||
+ | โดยความคิดสร้างสรรค์มีวิธีการอยู่ ๖ ขั้นตอน คือ | ||
*แสวงหาข้อบกพร่อง(MESS FINDING) | *แสวงหาข้อบกพร่อง(MESS FINDING) | ||
Line 48: | Line 51: | ||
== การเสริมสร้างความสามารถทางความคิดสร้างสรรค์ == | == การเสริมสร้างความสามารถทางความคิดสร้างสรรค์ == | ||
− | ในการเสริมสร้างขีดความสามารถมีกิจกรรมหลักที่จะช่วยเกื้อหนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใน 4 กิจกรรมหลัก คือ การสร้างแรงจูงใจ การมีแรงบันดาลใจ การให้เวลา และการร่วมมือ (บรรจง, 2556) | + | ในการเสริมสร้างขีดความสามารถมีกิจกรรมหลักที่จะช่วยเกื้อหนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใน 4 กิจกรรมหลัก คือ '''การสร้างแรงจูงใจ การมีแรงบันดาลใจ การให้เวลา และการร่วมมือ''' (บรรจง, 2556) |
*แรงจูงใจ นับว่าเป็นที่ต้องการในการที่จะให้คิดอย่างสร้างสรรค์ ความลุ่มหลงในงานงานนับเป็นอีกหนทางของนักวิทยาศาสตร์และศิลปินในการสร้างสรรค์งาน การสร้างสรรค์ของแต่ละคนจึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการกระตุ้นทั้งภายในและภายนอก และได้รับการกระตุ้นจากบุคคลอื่น โดยมีการกระตุ้นทั้งในห้องเรียน ที่บ้าน หรือที่ทำงาน และในทุกตำแหน่งของสังคม | *แรงจูงใจ นับว่าเป็นที่ต้องการในการที่จะให้คิดอย่างสร้างสรรค์ ความลุ่มหลงในงานงานนับเป็นอีกหนทางของนักวิทยาศาสตร์และศิลปินในการสร้างสรรค์งาน การสร้างสรรค์ของแต่ละคนจึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการกระตุ้นทั้งภายในและภายนอก และได้รับการกระตุ้นจากบุคคลอื่น โดยมีการกระตุ้นทั้งในห้องเรียน ที่บ้าน หรือที่ทำงาน และในทุกตำแหน่งของสังคม | ||
*แรงบันดาลใจ หมายเกิดแรงบันดาลใจด้วยตนเอง หรือเป็นแรงบันดาลใจที่ได้รับการกระตุ้นจากผู้อื่น ความสร้างสรรค์มาจากแรงขับจากการกระหายใคร่รู้ ปัจจัยเข้าใหม่ และความรู้ที่เพิ่มพูนในขั้นตอนแรก แล้วการสร้างให้เกิดความกระหายใคร่รู้นับเป็นการใส่ใจต่อสิ่งต่างๆด้วยตัวของเขาเอง การกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อาจเพิ่มการสังเกตมากขึ้นและถามคำถามให้มากขึ้นต้องมีการสร้างให้มีบรรยากาศของความสร้างสรรค์ และใช้การสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นมากกว่าจะไปใช้วิธีการที่บังคับเอา ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการทำให้เกิดความอยากรู้ก็คือการที่มีปัจจัยนำเข้าใหม่ๆ เข้ามาสู่เราก็จะทำให้เกิดความตื่นตัว เช่น อาจไปสถานที่ที่แปลกออกไป พบหาผู้คนใหม่ๆ อาจไปดูละคร อ่านหนังสือหรือทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน การสร้างแรงบันดาลใจที่ดีอาจกระทำด้วยการให้คนอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์ การสร้างให้เกิดแรงบันดาลทั้งตนเองและผู้อื่นคงต้องใช้ทุกเทคนิคและหาความเหมาะสมแต่ละกันที่แตกต่างกันไป | *แรงบันดาลใจ หมายเกิดแรงบันดาลใจด้วยตนเอง หรือเป็นแรงบันดาลใจที่ได้รับการกระตุ้นจากผู้อื่น ความสร้างสรรค์มาจากแรงขับจากการกระหายใคร่รู้ ปัจจัยเข้าใหม่ และความรู้ที่เพิ่มพูนในขั้นตอนแรก แล้วการสร้างให้เกิดความกระหายใคร่รู้นับเป็นการใส่ใจต่อสิ่งต่างๆด้วยตัวของเขาเอง การกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อาจเพิ่มการสังเกตมากขึ้นและถามคำถามให้มากขึ้นต้องมีการสร้างให้มีบรรยากาศของความสร้างสรรค์ และใช้การสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นมากกว่าจะไปใช้วิธีการที่บังคับเอา ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการทำให้เกิดความอยากรู้ก็คือการที่มีปัจจัยนำเข้าใหม่ๆ เข้ามาสู่เราก็จะทำให้เกิดความตื่นตัว เช่น อาจไปสถานที่ที่แปลกออกไป พบหาผู้คนใหม่ๆ อาจไปดูละคร อ่านหนังสือหรือทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน การสร้างแรงบันดาลใจที่ดีอาจกระทำด้วยการให้คนอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์ การสร้างให้เกิดแรงบันดาลทั้งตนเองและผู้อื่นคงต้องใช้ทุกเทคนิคและหาความเหมาะสมแต่ละกันที่แตกต่างกันไป | ||
*การให้เวลาพอควร การคิดสร้างสรรค์ควรต้องมีเวลาบ่มเพราะพอควรที่จะทำให้คิดผุดขึ้น การหยั่งลึก สัญชาตญาณและแรงบันดาลใจ ล้วนมีความสัมพันธ์เชื่องโยงกับความสร้างสรรค์การหยั่งรู้อย่างสร้างสรรค์เป็นผลจากกระบวนการของจิตใต้สำนึก แต่ใช้เวลาพอควร แต่ในสังคมปัจจุบันจะมีปัญหาของการที่เรามักจะทำอะไรได้รวดเร็ว รวบรัด อาจทำให้ขัดกับวิธีปฏิบัติของการที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะบ่อยครั้งที่เราการเวลา แม้กระทั่งความเงียบในการที่จะคิดทั้งในระดับจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก และบางกิจกรรมต้องทำและคิดต่อเนื่องยาวนาน | *การให้เวลาพอควร การคิดสร้างสรรค์ควรต้องมีเวลาบ่มเพราะพอควรที่จะทำให้คิดผุดขึ้น การหยั่งลึก สัญชาตญาณและแรงบันดาลใจ ล้วนมีความสัมพันธ์เชื่องโยงกับความสร้างสรรค์การหยั่งรู้อย่างสร้างสรรค์เป็นผลจากกระบวนการของจิตใต้สำนึก แต่ใช้เวลาพอควร แต่ในสังคมปัจจุบันจะมีปัญหาของการที่เรามักจะทำอะไรได้รวดเร็ว รวบรัด อาจทำให้ขัดกับวิธีปฏิบัติของการที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะบ่อยครั้งที่เราการเวลา แม้กระทั่งความเงียบในการที่จะคิดทั้งในระดับจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก และบางกิจกรรมต้องทำและคิดต่อเนื่องยาวนาน | ||
*การร่วมมือ การทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ต้องอาศัยการร่วมมือกัน เช่น อาจจะต้องอาศัยครูหรือบุคคลอื่นที่สำคัญในการที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยอาจได้ในลักษณะของการเห็นตัวอย่างและการสอนอย่างชันเจนในเรื่องนี้ เราทุกคนล้วนมีความสามารถในความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเราอาจเห็นได้จากเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น แต่ในระดับผู้ใหญ่ ความ สร้างสรรค์อาจถูกเก็บกดผ่านทางการศึกษา แต่อันที่จริงแล้วความสร้างสรรค์นั้นยังคงอยู่ | *การร่วมมือ การทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ต้องอาศัยการร่วมมือกัน เช่น อาจจะต้องอาศัยครูหรือบุคคลอื่นที่สำคัญในการที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยอาจได้ในลักษณะของการเห็นตัวอย่างและการสอนอย่างชันเจนในเรื่องนี้ เราทุกคนล้วนมีความสามารถในความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเราอาจเห็นได้จากเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น แต่ในระดับผู้ใหญ่ ความ สร้างสรรค์อาจถูกเก็บกดผ่านทางการศึกษา แต่อันที่จริงแล้วความสร้างสรรค์นั้นยังคงอยู่ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | == วิธีการคิดสร้างสรรค์ (Creative Methods) == | ||
+ | มีวิธีการที่หลากหลายแต่ที่สำคัญมี ๕ วิธีการ คือ | ||
+ | |||
+ | *วิวัฒนาการ (evolution) เป็นวิธีการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยวิธีการแบบสะสมทีละขั้นตอน ความคิดใหม่เกิดจากความคิดหลากหลาย แนวทางแก้ปัญหาใหม่ ๆเกิดจากแนวทางเก่า ๆ แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น | ||
+ | |||
+ | *การผสมผสาน (synthesis) เป็นการผสมผสานหรือสังเคราะห์แนวคิดที่ ๑ กับ ที่ ๒ เป็นแนวคิดที่ ๓ ซึ่งกลายเป็นความคิดใหม่ เช่น ความคิดเกี่ยวกับหนังสือแมกกาซีนกับเครื่องเล่นเทป กลายเป็นแมกกาซีนที่สามารถเปิดฟังได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการที่ตาบอด | ||
+ | |||
+ | *การปฏิวัติ (revolution) ในบางครั้งความคิดใหม่ ๆเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย เช่น แทนที่จะให้อาจารย์บรรยายให้นักเรียนฟังแบบเดิม ๆ ก็เปลี่ยนเป็นให้นักเรียนทำงานเป็นทีมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันด้วยการนำเสนอสิ่งที่ตนค้นพบ | ||
+ | |||
+ | *ปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่(reapplication) ปรับมุมมองเรื่องเก่า ด้วยมุมมองใหม่หรือมองแบบนอกกรอบ เช่นการใช้คลิปหนีบกระดาษเป็นไขควง เป็นต้น | ||
+ | |||
+ | *ปรับเปลี่ยนทิศทาง (changing direction) เป็นการปรับเปลี่ยนทิศทางการมองปัญหาด้วยวิธีการที่หลากหลาย | ||
+ | |||
+ | |||
+ | == ทัศนคติทางลบที่เป็นอุปสรรคต่อความคิดสร้างสรรค์ == | ||
+ | |||
+ | *ไม่ยอมรับฟังปัญหา | ||
+ | |||
+ | *ถอดใจหรือยอมแพ้ตั้งแต่ในมุ้งหรือตั้งแต่ยังไม่เริ่มสงคราม เพราะเชื่อว่าไม่ สามารถแก้ไขได้ | ||
+ | |||
+ | *ไม่เชื่อว่าตนจะสามารถทำอะไรได้ | ||
+ | |||
+ | *คิดเอาเองว่าตนไม่มีความคิดสร้างสรรค์ | ||
+ | |||
+ | *กลัวคนอื่นว่าในความคิดของตนเอง | ||
+ | |||
+ | == สิ่งที่หยุดยั้งความคิดสร้างสรรค์ == | ||
+ | |||
+ | *อคติ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีอคติมาก | ||
+ | |||
+ | *ยึดติดกับภาระหน้าที่มากเกินไป เช่น ไม้กวาดใช้สำหรับกวาดพื้น แต่ลืมคิดไปว่าสามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ หรือ กรณีรถไฟที่มีความเร็วไม่มาก แต่ไม่ยอมพัฒนาจึงเสื่อมความนิยมลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีผู้คิดค้นรถไฟความเร็วสูง(bullet train) | ||
+ | |||
+ | *หมดหวังที่จะเรียนรู้ ชอบอ้างว่าอายุมาก ไม่มีเงินไม่มีเครื่องมือ ไม่มีความสามารถ ชอบจำกัดตนเอง | ||
+ | |||
+ | *ปิดกั้นตนเอง เช่น หากเดินทางในป่าและเกิดหลงทาง ไม่ยอมกินสิ่งที่ตนไม่คุ้นเคย จนเสียชีวิตเพราะอดอาหาร ซึ่งหมายถึง บางครั้ง แม้จะพบหรือ ได้ฟังความคิดดี ๆ แต่ก็ไม่ยอมรับเพราะไม่ชอบหรือไม่คุ้นเคย(ในสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันแก้ปัญหาเรื่องทากดูดเลือดด้วยการสวมถุงน่องสตรี) | ||
+ | |||
+ | |||
+ | == ทัศนคติเชิงบวกที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ == | ||
+ | |||
+ | ความกระหายใคร่รู้: อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง(Curiosity) | ||
+ | |||
+ | ความท้าทาย(Challenge) | ||
+ | |||
+ | ไม่ยอมรับความไม่สร้างสรรค์(Constructive Discontent) ความเชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้(A belief that most problems can be solved) | ||
+ | |||
+ | ความอดทน(Perseverence)ในการรับฟังคำวิจารณ์และไม่ด่วนตัดสินใจ | ||
+ | |||
+ | มีความคิดและจินตนาการที่ยืดหยุ่น(A flexible imagination) | ||
+ | |||
+ | มองเห็นสิ่งดี ๆในเรื่องที่ไม่ดี | ||
+ | |||
+ | การเกิดปัญหาย่อมนำไปสู่การแก้ไขปัญหาคือเรื่องปกติ | ||
+ | |||
+ | ปัญหาในตัวของมันเองคือทางแก้ไขปัญหาคือโอกาส | ||
+ | |||
+ | ปัญหาเป็นเรื่องน่าสนใจและยอมรับได้ | ||
+ | |||
+ | ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เอาจริงเอาจัง | ||
== เอกสารอ้างอิง == | == เอกสารอ้างอิง == | ||
บรรจง อมรชีวิน. (2556). เปลี่ยนห้องเรียนให้เป็นห้องคิดด้วยการสืบถามเชิงปรัญชา (Thinking Classroom). กรุงเทพฯ: หจก.ภาพพิมพ์. | บรรจง อมรชีวิน. (2556). เปลี่ยนห้องเรียนให้เป็นห้องคิดด้วยการสืบถามเชิงปรัญชา (Thinking Classroom). กรุงเทพฯ: หจก.ภาพพิมพ์. | ||
+ | |||
+ | เพ็ญนิดา ไชยสายัณห์. (2560). Creative Thinking ความคิดสร้างสรรค์ฝึกฝนได้. สืบค้นจาก http://imdesign-studio.com/creative-thinking-ความคิดสร้างสรรค์ฝึก/ | ||
วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education(สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. | วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education(สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. |
Latest revision as of 11:16, 14 September 2018
ความคิดสร้างสรรค์นับเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาการคิด และมีความสำคัญต่อทั้งในระบบการศึกษาและสังคม เพราะหากว่าสังคมขาดสสร้างสรรค์สิ่งใหม่ สังคมก็คงขาดนวตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์แนวคิดใหม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งต่างๆ มากขึ้น การพัฒนาให้คนเรามีความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำได้โดยง่ายและบ่อยครั้งถูกมองว่าเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วสามารถพัฒนาให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ (วศิณีส์, 2560)
Contents
ความหมาย
นักการศึกษาได้ให้คำจำกัดความของการคิดสร้างสรรค์ไว้คือ
- ความสามารถในการแก้ปัญหาและคิดผลิตภัณฑ์และการหยิบยกคำถามใหม่ๆ(Gardner,1993)
- กระบวนการจินตนาการซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างเป็นผู้ริเริ่มแรก และมีคุณค่า(Rodinson,2001)
- การมีคุณลักษณะของความใหม่ ประสิทธิผลและมีจริยธรรม(Cropley,2001)
นอกจากนี้กิลฟอร์ดและทอแรนซ์ (Guilford and Torance, 1960) ได้แบ่งความคิดสร้างสรรค์ออกเป็น 4 ประเภท คือ 1) ความคิดคล่องตัว 2)ความคิดยืดหยุ่น 3)ความละเอียดละออ และ 4)ความริเริ่ม
- อาจกล่าวโดยรวมได้ว่าความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดของสมองซึ่งสามารถคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่ สามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎีหรือปฏิบัติได้อย่างรอบคอบและถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและนวัตกรรม
CREATIVITY มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน “CREO” = TO CREATE, TO MAKE =สร้างหรือทำให้เกิด
ความคิดสร้างสรรค์คือ ปรากฏการณ์ที่บุคคลสร้างสรรค์”สิ่งใหม่” อาทิ ผลผลิต การแก้ปัญหา นวัตกรรม หรืองานศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีคุณค่า การจะตีความเกี่ยวกับ”ความใหม่” ขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์หรือสังคม หรือแวดวงที่สิ่งใหม่นั้นเกิดขึ้น การประเมินคุณค่าก็ในทำนองเดียวกัน คุณสมบัติที่มักใช้ในการตีความ “ความใหม่” ประกอบด้วย (เพ็ญนิดา, 2560)
- สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
- สิ่งประดิษฐ์ที่อาจปรากฏอยู่ที่อื่น แต่มีผู้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยอิสระ
- การคิดวิธีดำเนินการใหม่
- ปรับกระบวนการผลผลิตเข้าสู่ตลาดที่แตกต่างออกไป
- คิดวิธีการใหม่ในการแก้ไขปัญหา
- เปลี่ยนแนวคิดที่แตกต่างจากผู้อื่น
นอกจากนี้ความคิดสร้างสรรค์คือ ความคิดใหม่ ๆ แนวทางใหม่ ๆ ทัศนคติใหม่ ๆ ความเข้าใจและการมองปัญหาในรูปแบบใหม่ ผลลัพท์ของความคิดสร้างสรรค์ที่ชัดเจน คือ ดนตรี การแสดง วรรณกรรม ละคร สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมทางเทคนิค แต่บางครั้งความคิดสร้างสรรค์ก็มองไม่เห็นชัดเจน เช่น การตั้งคำถามบางอย่างที่ช่วยขยายกรอบของแนวคิดซึ่งให้คำตอบบางอย่าง หรือการมองโลกหรือปัญหาในแนวนอกกรอบ
โดยความคิดสร้างสรรค์มีวิธีการอยู่ ๖ ขั้นตอน คือ
- แสวงหาข้อบกพร่อง(MESS FINDING)
- รวบรวมข้อมูล(DATA FINDING)
- มองปัญหาทุกด้าน(PROBLEM FINDING)
- แสวงหาความคิดที่หลากหลาย(IDEA FINDING)
- หาคำตอบที่รอบด้าน(SOLUTION FINDING)
- หาข้อสรุปที่เหมาะสม(ACCEPTANCE FINDING)
กระบวนการของความคิดสร้างสรรค์ อาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือโดยความตั้งใจ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการศึกษา การอบรมฝึกฝน การระดมสมอง (BRAIN-STORMING) มากกว่าครึ่งหนึ่งของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของโลก เกิดจากการค้นพบโดยบังเอิญ(SERENDITY) หรือการค้นพบสิ่งหนึ่งซึ่งใหม่ ในขณะที่กำลังต้องการค้นพบสิ่งอื่นมากกว่า
การเสริมสร้างความสามารถทางความคิดสร้างสรรค์
ในการเสริมสร้างขีดความสามารถมีกิจกรรมหลักที่จะช่วยเกื้อหนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใน 4 กิจกรรมหลัก คือ การสร้างแรงจูงใจ การมีแรงบันดาลใจ การให้เวลา และการร่วมมือ (บรรจง, 2556)
- แรงจูงใจ นับว่าเป็นที่ต้องการในการที่จะให้คิดอย่างสร้างสรรค์ ความลุ่มหลงในงานงานนับเป็นอีกหนทางของนักวิทยาศาสตร์และศิลปินในการสร้างสรรค์งาน การสร้างสรรค์ของแต่ละคนจึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการกระตุ้นทั้งภายในและภายนอก และได้รับการกระตุ้นจากบุคคลอื่น โดยมีการกระตุ้นทั้งในห้องเรียน ที่บ้าน หรือที่ทำงาน และในทุกตำแหน่งของสังคม
- แรงบันดาลใจ หมายเกิดแรงบันดาลใจด้วยตนเอง หรือเป็นแรงบันดาลใจที่ได้รับการกระตุ้นจากผู้อื่น ความสร้างสรรค์มาจากแรงขับจากการกระหายใคร่รู้ ปัจจัยเข้าใหม่ และความรู้ที่เพิ่มพูนในขั้นตอนแรก แล้วการสร้างให้เกิดความกระหายใคร่รู้นับเป็นการใส่ใจต่อสิ่งต่างๆด้วยตัวของเขาเอง การกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อาจเพิ่มการสังเกตมากขึ้นและถามคำถามให้มากขึ้นต้องมีการสร้างให้มีบรรยากาศของความสร้างสรรค์ และใช้การสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นมากกว่าจะไปใช้วิธีการที่บังคับเอา ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการทำให้เกิดความอยากรู้ก็คือการที่มีปัจจัยนำเข้าใหม่ๆ เข้ามาสู่เราก็จะทำให้เกิดความตื่นตัว เช่น อาจไปสถานที่ที่แปลกออกไป พบหาผู้คนใหม่ๆ อาจไปดูละคร อ่านหนังสือหรือทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน การสร้างแรงบันดาลใจที่ดีอาจกระทำด้วยการให้คนอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์ การสร้างให้เกิดแรงบันดาลทั้งตนเองและผู้อื่นคงต้องใช้ทุกเทคนิคและหาความเหมาะสมแต่ละกันที่แตกต่างกันไป
- การให้เวลาพอควร การคิดสร้างสรรค์ควรต้องมีเวลาบ่มเพราะพอควรที่จะทำให้คิดผุดขึ้น การหยั่งลึก สัญชาตญาณและแรงบันดาลใจ ล้วนมีความสัมพันธ์เชื่องโยงกับความสร้างสรรค์การหยั่งรู้อย่างสร้างสรรค์เป็นผลจากกระบวนการของจิตใต้สำนึก แต่ใช้เวลาพอควร แต่ในสังคมปัจจุบันจะมีปัญหาของการที่เรามักจะทำอะไรได้รวดเร็ว รวบรัด อาจทำให้ขัดกับวิธีปฏิบัติของการที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะบ่อยครั้งที่เราการเวลา แม้กระทั่งความเงียบในการที่จะคิดทั้งในระดับจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก และบางกิจกรรมต้องทำและคิดต่อเนื่องยาวนาน
- การร่วมมือ การทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ต้องอาศัยการร่วมมือกัน เช่น อาจจะต้องอาศัยครูหรือบุคคลอื่นที่สำคัญในการที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยอาจได้ในลักษณะของการเห็นตัวอย่างและการสอนอย่างชันเจนในเรื่องนี้ เราทุกคนล้วนมีความสามารถในความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเราอาจเห็นได้จากเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น แต่ในระดับผู้ใหญ่ ความ สร้างสรรค์อาจถูกเก็บกดผ่านทางการศึกษา แต่อันที่จริงแล้วความสร้างสรรค์นั้นยังคงอยู่
วิธีการคิดสร้างสรรค์ (Creative Methods)
มีวิธีการที่หลากหลายแต่ที่สำคัญมี ๕ วิธีการ คือ
- วิวัฒนาการ (evolution) เป็นวิธีการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยวิธีการแบบสะสมทีละขั้นตอน ความคิดใหม่เกิดจากความคิดหลากหลาย แนวทางแก้ปัญหาใหม่ ๆเกิดจากแนวทางเก่า ๆ แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น
- การผสมผสาน (synthesis) เป็นการผสมผสานหรือสังเคราะห์แนวคิดที่ ๑ กับ ที่ ๒ เป็นแนวคิดที่ ๓ ซึ่งกลายเป็นความคิดใหม่ เช่น ความคิดเกี่ยวกับหนังสือแมกกาซีนกับเครื่องเล่นเทป กลายเป็นแมกกาซีนที่สามารถเปิดฟังได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการที่ตาบอด
- การปฏิวัติ (revolution) ในบางครั้งความคิดใหม่ ๆเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย เช่น แทนที่จะให้อาจารย์บรรยายให้นักเรียนฟังแบบเดิม ๆ ก็เปลี่ยนเป็นให้นักเรียนทำงานเป็นทีมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันด้วยการนำเสนอสิ่งที่ตนค้นพบ
- ปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่(reapplication) ปรับมุมมองเรื่องเก่า ด้วยมุมมองใหม่หรือมองแบบนอกกรอบ เช่นการใช้คลิปหนีบกระดาษเป็นไขควง เป็นต้น
- ปรับเปลี่ยนทิศทาง (changing direction) เป็นการปรับเปลี่ยนทิศทางการมองปัญหาด้วยวิธีการที่หลากหลาย
ทัศนคติทางลบที่เป็นอุปสรรคต่อความคิดสร้างสรรค์
- ไม่ยอมรับฟังปัญหา
- ถอดใจหรือยอมแพ้ตั้งแต่ในมุ้งหรือตั้งแต่ยังไม่เริ่มสงคราม เพราะเชื่อว่าไม่ สามารถแก้ไขได้
- ไม่เชื่อว่าตนจะสามารถทำอะไรได้
- คิดเอาเองว่าตนไม่มีความคิดสร้างสรรค์
- กลัวคนอื่นว่าในความคิดของตนเอง
สิ่งที่หยุดยั้งความคิดสร้างสรรค์
- อคติ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีอคติมาก
- ยึดติดกับภาระหน้าที่มากเกินไป เช่น ไม้กวาดใช้สำหรับกวาดพื้น แต่ลืมคิดไปว่าสามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ หรือ กรณีรถไฟที่มีความเร็วไม่มาก แต่ไม่ยอมพัฒนาจึงเสื่อมความนิยมลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีผู้คิดค้นรถไฟความเร็วสูง(bullet train)
- หมดหวังที่จะเรียนรู้ ชอบอ้างว่าอายุมาก ไม่มีเงินไม่มีเครื่องมือ ไม่มีความสามารถ ชอบจำกัดตนเอง
- ปิดกั้นตนเอง เช่น หากเดินทางในป่าและเกิดหลงทาง ไม่ยอมกินสิ่งที่ตนไม่คุ้นเคย จนเสียชีวิตเพราะอดอาหาร ซึ่งหมายถึง บางครั้ง แม้จะพบหรือ ได้ฟังความคิดดี ๆ แต่ก็ไม่ยอมรับเพราะไม่ชอบหรือไม่คุ้นเคย(ในสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันแก้ปัญหาเรื่องทากดูดเลือดด้วยการสวมถุงน่องสตรี)
ทัศนคติเชิงบวกที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ความกระหายใคร่รู้: อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง(Curiosity)
ความท้าทาย(Challenge)
ไม่ยอมรับความไม่สร้างสรรค์(Constructive Discontent) ความเชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้(A belief that most problems can be solved)
ความอดทน(Perseverence)ในการรับฟังคำวิจารณ์และไม่ด่วนตัดสินใจ
มีความคิดและจินตนาการที่ยืดหยุ่น(A flexible imagination)
มองเห็นสิ่งดี ๆในเรื่องที่ไม่ดี
การเกิดปัญหาย่อมนำไปสู่การแก้ไขปัญหาคือเรื่องปกติ
ปัญหาในตัวของมันเองคือทางแก้ไขปัญหาคือโอกาส
ปัญหาเป็นเรื่องน่าสนใจและยอมรับได้
ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เอาจริงเอาจัง
เอกสารอ้างอิง
บรรจง อมรชีวิน. (2556). เปลี่ยนห้องเรียนให้เป็นห้องคิดด้วยการสืบถามเชิงปรัญชา (Thinking Classroom). กรุงเทพฯ: หจก.ภาพพิมพ์.
เพ็ญนิดา ไชยสายัณห์. (2560). Creative Thinking ความคิดสร้างสรรค์ฝึกฝนได้. สืบค้นจาก http://imdesign-studio.com/creative-thinking-ความคิดสร้างสรรค์ฝึก/
วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education(สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.