Difference between revisions of "แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิตของเด็ก"

From Knowledge sharing space
Jump to: navigation, search
(Created page with "เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะชีวิตในขั้นพื้นฐานที่จะมีผลดีต่อไปใน...")
 
Line 1: Line 1:
เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะชีวิตในขั้นพื้นฐานที่จะมีผลดีต่อไปในอนาคต พ่อ แม่ ผู้ปกครองและครูควรส่งเสริมลักษณะนิสัยขั้นพื้นฐานดังนี้
+
เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะชีวิตในขั้นพื้นฐานที่จะมีผลดีต่อไปในอนาคต พ่อ แม่ ผู้ปกครองและครูควรส่งเสริมลักษณะนิสัยขั้นพื้นฐานดังนี้ การรักเป็นเห็นคุณค่า, การมองตนเองและผู้อื่นในด้านบวก, การภาคภูมิใจในตนเองและผู้อื่น
 
+
*การรักเป็นเห็นคุณค่า
+
*การมองตนเองและผู้อื่นในด้านบวก
+
*การภาคภูมิใจในตนเองและผู้อื่น
+
  
 
== การรักเป็นเห็นคุณค่า ==
 
== การรักเป็นเห็นคุณค่า ==

Revision as of 16:24, 27 August 2018

เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะชีวิตในขั้นพื้นฐานที่จะมีผลดีต่อไปในอนาคต พ่อ แม่ ผู้ปกครองและครูควรส่งเสริมลักษณะนิสัยขั้นพื้นฐานดังนี้ การรักเป็นเห็นคุณค่า, การมองตนเองและผู้อื่นในด้านบวก, การภาคภูมิใจในตนเองและผู้อื่น

การรักเป็นเห็นคุณค่า

ความหมาย

การรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น เป็นความรู้สึกที่บุคคลเข้าใจตนเอง รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า จะทำอะไรด้วยตนเอง ภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตนเอง ผู้ที่รักและเห็นคุณค่าในตนเอง จะเป็นผู้ที่รู้จักเพิ่งตนเอง มีความรับผิดชอบ มีความภาคภูมิใจในตนเองสูง และสามารถเผชิญปัญหากับการเรียน การทำงาน การดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเกิดความผิดพลาดจะยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว มีสัมพันธภาพกับผู้อื่นเกี่ยวข้องได้อย่างอบอุ่น อ่อนโยน มากกว่าสัมพันธภาพที่แข็งกร้าว และควบคุมตนเองให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข เกิดแรงจูงใจที่จะทำประโยชน์ต่อครอบครัวและส่วนรวมต่อไป


แนวทางการปฏิบัติของพ่อแม่ ผู้ปกครอง

ชี้แนะสนับสนุน และให้กำลังใจแก่บุตรหลานให้มีความพยายาม อดทน และตั้งใจทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้จนสำเร็จ สอนให้บุตรหลานรู้จักให้กำลังใจ หรือคำชมเชยแก่ตนเองและผู้อื่นด้วยความจริงใจ ให้เวลากับบุตรหลานได้ร่วมกิจกรรมในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน เช่น ทำงานบ้านพัฒนาโรงเรียน วัด และชุมชน เป็นต้น


แนวทางการเสริมสร้างให้เด็กรักและเห็นคุณค่าในตนเอง

การรักและเห็นคุณค่าในตนเองเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานของการดำเนินชีวิต การส่งเสริมและปลูกฝังให้เด็กวัยอายุ 6-12 ปี ให้รักและเห็นคุณค่าในตนเองนั้น ทางด้านจิตวิทยาถือว่าวัยนี้เป็นวัยที่อยู่ในช่วงพัฒนาความรู้สึกและรับผิดชอบในตนเองที่จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการดำรงชีวิตอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นวัยที่เด็กสามารถพึ่งพาตนเอง มีความอยากรู้ อยากเห็น มีความสังเกต มีความสนใจต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวและไกลออกไปจากตังอย่างต่อเนื่องมีความสามรถในการแก้ปัญหาตามระดับสติปัญญา มีความต้องการที่จะเป็นคนสำคัญ เป็นที่นิยมชมชอบของบุคคลแวดล้อม ซึ่งลักษณะที่กล่าวมาข้างต้นนับว่าเป็นลักษณะที่มีความพร้อมและเป็นไปได้สูง ในการเสริมสร้างปลูกฝังการรักษาและเห็นคุณค่าในตนเองของเด็กในวัยนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะชีวิตในขั้นพื้นฐานที่จะมีผลดีต่อไปในอนาคต

ลักษณะของการรักและเห็นคุณค่าในตนเอง

ลักษณะของบุคคลทีรักและเห็นคุณค่าในตนเองสูงจะเป็นผู้ที่มีความคิดในด้านบวก(Positive Thinkng) บอคุณค่าในความสามารถของตนเองและผู้อื่นได้ตามความเป็นจริง มีความเป็นตัวของตัวเอง พึ่งตนเองได้ไม่รอพึ่งผู้อื่น มีความคิดที่ก่อให้เกิดการกระทำที่สร้างสรรค์ ลักษณะของบุคคลที่รักและเห็นคุณค่าในตนเองสูง จำแนกได้ดังนี้ มีใบหน้า ท่าทาง วิธีการพูด การเคลื่อนไหวแฝงไว้ด้วยความแจ่มใส ร่าเริง มีชีวิตชีวา มีความปิติยินดีปรากฏอยู่ในตัว สามารถพูดถึงความสำเร็จ หรือข้อบกพร่องของตนได้อย่างตรงไปตรงมา และด้วยน้ำใจจริง สามารถเป็นผู้ให้ และผู้รับคำชมเชยอย่างเป็นปกติ แสดงออกซึ่งความรัก ความซาบซึ้งต่างๆ ให้เห็นอยู่เสมอ สามารถเปิดใจรับคำตำหนิและไม่ทุกข์ร้อน เมื่อมีผู้กล่าวถึงความผิดพลาดของตน การพูดและการเคลื่อนไหวมีลักษณะไม่วิตกกังวลเป็นไปตามธรรมชาติ มีความกลมกลืนกันเป็นอย่างดีระหว่างคำพูด การกระทำ การแสดงออก และการเคลื่อนไหว มีทัศนคติที่เปิดเผย อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับแนวคิด และประสบการณ์ และโอกาสใหม่ๆของชีวิต การที่จะเห็นความสนุกสนานกับมุกตลกของชีวิตทั้งของตนและผู้อื่น และพูดถึงมุมตลกนั้นให้ผู้อื่นรับรู้อยู่เสมอ เช่น เขาเป็นคนโก๊ะมากเลย ฯลฯ มีทัศนะคติที่ยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ และสิ่งท้าทาย มีพฤติกรรมการแสดงออกในทางที่เหมาะสมกับกาลเทศะและสถานการณ์ เป็นตัวของตัวเอง แม้ตกอยู่ภายในสถานการณ์ที่มีความเครียด พึ่งตนเองได้โดยไม่รีรอการช่วยเหลือจากผู้อื่น