Difference between revisions of "วิธีสอนแบบโสเครติส"
(One intermediate revision by the same user not shown) | |||
Line 1: | Line 1: | ||
+ | |||
+ | == การสอนแบบโสเครติสคืออะไร ? == | ||
+ | |||
ความหมาย วิธีโสเครติส (Socrates method) | ความหมาย วิธีโสเครติส (Socrates method) | ||
Line 5: | Line 8: | ||
ธีรพงศ์ แก่นอินทร์ ได้ระบุว่า วิธีสอนแบบโสเครติส เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนใช้เหตุผลในการสืบค้นร่วมกันโดยการสนทนา (Dialogical enquiry) และมีการใช้คำถามแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้าถึงความจริง | ธีรพงศ์ แก่นอินทร์ ได้ระบุว่า วิธีสอนแบบโสเครติส เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนใช้เหตุผลในการสืบค้นร่วมกันโดยการสนทนา (Dialogical enquiry) และมีการใช้คำถามแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้าถึงความจริง | ||
− | + | == เทคนิคการตั้งถามโดยวิธีโสเครติส== | |
− | + | ||
− | เทคนิคการตั้งถามโดยวิธีโสเครติส | + | |
การตั้งคำถามโดยวิธีโสเครติสมีเป้าหมายหลัก คือ เพื่อท้าทายนักเรียนให้ค้นหาตำตอบจากการคิดจนกว่าจะได้คำตอบที่สมบูรณ์และถูกต้อง คำถามที่โสเครติสมักใช้ในการสอนมีอยู่ 6 ประเภท ดังนี้ | การตั้งคำถามโดยวิธีโสเครติสมีเป้าหมายหลัก คือ เพื่อท้าทายนักเรียนให้ค้นหาตำตอบจากการคิดจนกว่าจะได้คำตอบที่สมบูรณ์และถูกต้อง คำถามที่โสเครติสมักใช้ในการสอนมีอยู่ 6 ประเภท ดังนี้ | ||
Line 121: | Line 122: | ||
คำถามนี้หมายความว่าอย่างไร? | คำถามนี้หมายความว่าอย่างไร? | ||
− | + | จากทั้ง 6ตัวอย่างที่ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างข้างต้น คำถามดังกล่าวอาจมีผู้คิดว่าวิธีโสเครติสเป็นวิธีที่ง่าย แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นวิธีที่มีความเข้มงวดมาก เนื่องจากโสเครติสเชื่อว่า ความรู้ (Knowledge) และ การตระหนักรู้ (awareness) เป็นส่วนที่อยู่ภายในของเราทุกคน ดังนั้น ผู้ที่จะฝึกฝนการสอนที่ดีจะต้องพยายามเข้าให้ถึงระดับของความรู้และการตระหนักรู้ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวผู้เรียนให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้เรียนก้าวไปสู่การคิดในระดับใหม่ๆ ได้ คำถามที่ดีจึงมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ คือ | |
*ทำให้ได้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง (factual information) | *ทำให้ได้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง (factual information) | ||
Line 131: | Line 132: | ||
*ช่วยเหลือผู้เรียนในการสำรวจความรู้ การคิด และการเข้าใจในระดับที่ลึกมากขึ้น (helping learners explore deeper levels of knowing thinking, and understanding) | *ช่วยเหลือผู้เรียนในการสำรวจความรู้ การคิด และการเข้าใจในระดับที่ลึกมากขึ้น (helping learners explore deeper levels of knowing thinking, and understanding) | ||
− | + | == ประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ == | |
วิธีโสเครติสเป็นวิธีสอนแบบหนึ่งที่ส่งเสริมผู้เรียนให้ลง มือปฏิบัติจริง (active learning) สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนทุกระดับการศึกษา และยังสอดคล้องกับแนวนโยบายการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดังนี้ | วิธีโสเครติสเป็นวิธีสอนแบบหนึ่งที่ส่งเสริมผู้เรียนให้ลง มือปฏิบัติจริง (active learning) สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนทุกระดับการศึกษา และยังสอดคล้องกับแนวนโยบายการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดังนี้ | ||
Line 141: | Line 142: | ||
*ผู้สอนไม่ใช่ผู้บอกความรู้ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก | *ผู้สอนไม่ใช่ผู้บอกความรู้ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก | ||
*เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการค้นพบ (learning is discovery)ของผู้เรียนเอง ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ในทุกสถานการณ์ | *เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการค้นพบ (learning is discovery)ของผู้เรียนเอง ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ในทุกสถานการณ์ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | == เอกสารอ้างอิง == |
Latest revision as of 14:15, 4 December 2018
Contents
การสอนแบบโสเครติสคืออะไร ?
ความหมาย วิธีโสเครติส (Socrates method)
โสเครติส (Socrates, 469-399 B.C.E) นักปรัชญาและนักการศึกษาชาวกรีกที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะ นักคิดที่ยิ่งใหญ่ของปรัชญาตะวันตก (The great thinker of western philosophy) เป็นครูสอนตรรกวิทยาและหลักการประชาธิปไตย รูปแบบการสอนของโสเครติสจะไม่ใช่สอนโดยวิธีบรรยาย แต่จะสอนด้วยการสนทนาและการถามตอบโดยจะตั้งคำถามหลายๆข้อ เพื่อให้นักเรียนดึงความรู้จากประสบการณ์ออกมาให้ได้ การสนทนาระหว่างโสเครติสกับนักศึกษาจะดำเนินไปทีละขั้นตอนตามแนวทางที่นักปรัชญาในอดีตเคยใช้ในการค้นหาความรู้ นักเรียนแต่ละคนจะทำงานหนักเช่นเดียวกันกับครู เนื่องจากครูจะป้อนคำถามไปเรื่อยจนกว่านักเรียนจะพบคำตบด้วยตัวเอง วิธีการนี้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ (มัณฑรา ธรรมบุศย์)
ธีรพงศ์ แก่นอินทร์ ได้ระบุว่า วิธีสอนแบบโสเครติส เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนใช้เหตุผลในการสืบค้นร่วมกันโดยการสนทนา (Dialogical enquiry) และมีการใช้คำถามแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้าถึงความจริง
เทคนิคการตั้งถามโดยวิธีโสเครติส
การตั้งคำถามโดยวิธีโสเครติสมีเป้าหมายหลัก คือ เพื่อท้าทายนักเรียนให้ค้นหาตำตอบจากการคิดจนกว่าจะได้คำตอบที่สมบูรณ์และถูกต้อง คำถามที่โสเครติสมักใช้ในการสอนมีอยู่ 6 ประเภท ดังนี้
1. Conceptual Clarification Questions
เป็นคำถามที่ผู้สอนต้องการให้ผู้เรียนทำความกระจ่างกับคำตอบตนเอง โดยให้ผู้เรียนทบทวนอีกครั้งหนึ่งถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคำถาม หรือความถูกต้องของคำตอบ เป็นการตรวจสอบความคิดของตนเองหลังจากให้คำตอบไปแล้ว หรือหลังจากมรการอภิปรายถกเถียงกันในกลุ่มแล้ว คำถามแบบนี้จึงมีลักษณะของคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนบอกความคิดเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คำตอบที่เจาะลึกมากขึ้น
ตัวอย่างคำถามผู้สอนสามารถนำไปใช้ เช่น
ทำไมเธอจึงตอบอย่างนั้น?
ความหมายที่ถูกต้องจริงๆ คืออะไรกันแน่
คำตอบของเธอเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอย่างไร?
สรุปว่าตอนนี้เรารู้อะไรเกี่ยวกับ………….บ้าง
เธอยกตัวอย่างในสิ่งที่เธอกำลังพูดได้ไหม?
เธอกำลังพูดว่า……………หรือ…………..ใช่ไหม?
ลองพูดซ้ำอีกครั้งจะได้ไหม?
2. Probing Assumptions เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับข้อสันนิฐานและความเชื่อต่างๆ ที่ยังไม่แน่นอนซึ่งนักเรียนค้นพบในระหว่างที่มีการอภิปรายร่วมกัน คำถามที่ใช้จึงเป็นคำถามที่ต้องการหาข้อเท็จจริง
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น
นอกจาก……………….ยังสามารถสันนิษฐานในแง่มุมใดได้อีก?
ดูเหมือนเธอจะสันนิษฐานว่า……….ใช่ไหม?
เธอเลือกข้อสันนิษฐานเหล่านี้มาโดยวิธีใด?
ลองอธิบายว่าทำไม/อย่างไร……………..?
เธอจะพิสูจน์หรือตรวจสอบข้อสันนิษฐานนี้ได้อย่างไร?
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า……………?
3. Probing Rationale, Reasons and Evidence
เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะแสดงความคิดเห็นโดยขาดเหตุผลหรือมีข้อสนับสนุนที่ยังอ่อนด้อยเกินไป
ดังนั้น คำถามประเภทนี้จึงต้องการให้ผู้เรียนคิดหาเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนคำตอบที่ได้จากการอภิปรายถกเถียงกัน โดยต้องเป็นความคิดที่สมเหตุสมผล มีหลักฐานยืนยัน ไม่ใช่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น
ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น?
เธอรู้ได้อย่างไร?
ลองแสดงให้ดู หรือ แสดงให้เห็นว่า…………..?
เธอจะยกตัวอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือไม่?
เธอคิดว่าเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากอะไร?
เธอยืนยันเรื่องที่พูดได้หรือไม่?
เหตุผลที่เธอพูดมา เธอคิดว่าเพียงพอแล้วหรือยัง
เรื่องนี้มีข้อหักล้างได้หรือไม่?
ครูจะเชื่อได้อย่างไรในสิ่งที่เธอพูด?
4. Questioning Viewpoints and Perspectives
เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นหรือเสนอมุมมองอื่นๆอีกที่เชื่อถือได้ ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น
เรื่องนี้ยังมีแง่มุมอื่นที่มีเชื่อถือได้อีกหรือไม่?
ทางเลือกอื่นในการพิจารณาเรื่องนี้มีอีกหรือไม่?
ทำไมเรื่อง………….จึงมีความสำคัญ?
ข้อแตกต่างระหว่าง………กับ………..คืออะไร?
ทำไมเรื่องนี้จึงดีกว่า………..?
จุดเด่นและจุดด้อยของ………คืออะไร?
………….กับ…………เหมือนกันอย่างไร?
เธอสามารถมองเรื่องนี้ในแง่มุมอื่นได้หรือไม่?
ถ้าเธอเปรียบเทียบ………….กับ…………….จะเป็นอย่างไร?
5. Probe Implications and Consequences
เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคาดคะเนเกี่ยวกับการนำไปใช้และผลที่อาจเกิดตามมาภายหลัง ตัวอย่างคำถามที่นำมาใช้ เช่น
ถ้าไม่มีพระอาทิตย์ จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา?
ผลที่อาจเกิดขึ้นภายหลังของข้อสันนิษฐานนี้คืออะไร?
เรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อใครบ้าง?
สิ่งที่กำลังพูดกันอยู่นี้สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียนอย่างไร?
สิ่งที่ดีที่สุดของ………….คืออะไร? เพราะเหตุใด?
6. Questions about the Question
เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดทบทวนเกี่ยวกับคำถามที่ได้
ถามไปแล้ว ลักษณะของการถามจึงเป็นการสะท้อนคำถามกลับไปยังผู้ถามอีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างคำถามที่นำมาใช้ เช่น
ประเด็นของการตั้งคำถามข้อนี้คืออะไร?
เธอคิดว่าครูถามคำถามข้อนี้เพราะเหตุใด?
คำถามนี้หมายความว่าอย่างไร?
จากทั้ง 6ตัวอย่างที่ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างข้างต้น คำถามดังกล่าวอาจมีผู้คิดว่าวิธีโสเครติสเป็นวิธีที่ง่าย แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นวิธีที่มีความเข้มงวดมาก เนื่องจากโสเครติสเชื่อว่า ความรู้ (Knowledge) และ การตระหนักรู้ (awareness) เป็นส่วนที่อยู่ภายในของเราทุกคน ดังนั้น ผู้ที่จะฝึกฝนการสอนที่ดีจะต้องพยายามเข้าให้ถึงระดับของความรู้และการตระหนักรู้ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวผู้เรียนให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้เรียนก้าวไปสู่การคิดในระดับใหม่ๆ ได้ คำถามที่ดีจึงมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ คือ
- ทำให้ได้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง (factual information)
- ทำให้เกิดความเชื่อโยงวามคิดรวบยอดต่างๆได้ (connecting concepts)
- ช่วยทำให้ได้ข้อสรุปหรือข้อวินิจฉัย (making inferences) ที่สามารถอ้างอิงได้
- ทำให้ผู้เรียนมีการตระหนักรู้มากขึ้น (increasing awareness)
- ส่งเสริมความคิดริเริ่มและการคิดแบบจินตนาการ (encouraging creative and imaginative thought)
- ช่วยให้เกิดกระบวนการคิดเชิงวิพากษ์ (aiding critical thinking processes)
- ช่วยเหลือผู้เรียนในการสำรวจความรู้ การคิด และการเข้าใจในระดับที่ลึกมากขึ้น (helping learners explore deeper levels of knowing thinking, and understanding)
ประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ
วิธีโสเครติสเป็นวิธีสอนแบบหนึ่งที่ส่งเสริมผู้เรียนให้ลง มือปฏิบัติจริง (active learning) สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนทุกระดับการศึกษา และยังสอดคล้องกับแนวนโยบายการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดังนี้
- เป็นการสอนที่เน้นปัญหาเป็นศูนย์กลาง (problem-centered)
- เป็นวิธีสอนที่สนับสนุนแนวคิดแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- ผู้สอนต้องอาศัยความรู้เดิมและประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นพื้นฐานในการค้นหาความรู้
- ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ไม่ใช่การเรียนโดยการท่องจำ
- ผู้สอนไม่ใช่ผู้บอกความรู้ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก
- เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการค้นพบ (learning is discovery)ของผู้เรียนเอง ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ในทุกสถานการณ์