Difference between revisions of "ทักษะชีวิต (Life Skills)"

From Knowledge sharing space
Jump to: navigation, search
 
(9 intermediate revisions by the same user not shown)
Line 3: Line 3:
 
== ความสำคัญของทักษะชีวิต ==
 
== ความสำคัญของทักษะชีวิต ==
  
ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี  ส่งผลต่อความรวดเร็วในการรับข้อมูลและการสื่อสาร  ทำให้สังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมตลอดจนความคิดและความเชื่อของคนในสังคมจำเป็นต้องตั้งรับการมีวิถีชีวิตยุคใหม่อย่างมีวิจารณญานด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากนี้เอง  ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กวัยเรียน  ทั้งการดำเนินชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง  และความคาดหวังของผู้ปกครองต่อการศึกษาต่อของบุตรหลาน  ประกอบกับการเผชิญกับสิ่งยั่วยุหรือตัวแบบที่ไม่เหมาะสมต่างๆ รอบตัว  ก่อให้เกิดปัญหาต่อเด็กและเยาวชนอย่างมาก  ทั้งปัญหาด้านการปรับตัว  ปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ  ปัญหาสุขภาพ  ปัญหาความรุนแรง ปัญหาที่มาจากสิ่งยั่วยุ เช่น  ปัญหาเด็กติดเกมส์  ปัญหายาเสพติด  ปัญหาจากพฤติกรรมทางเพศ  เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข  หรือเตรียมการปกป้องหรือสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาเด็กและเยาวชนที่ไม่มีความคุ้มกันทางสังคม  และทักษะชีวิต  ส่งผลให้เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว  อาจเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต  มีปัญหาทางอารมณ์  จิตใจ  และมักจะมีความขัดแย้งในชีวิตได้ง่าย  และส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม  ซึ่งจะเป็นภาระในสังคม ดังนั้น  โงเรียนและครูจึงมีความสำคัญต่อการการสร้างภูมิคุ้มกัน  หรือพัฒนาทักษะชีวิตในเด็กนักเรียน  ทั้งนี้โดยการจดกิจกรรมในโรงเรียนและการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกัน  ใช้ชีวิตอย่างมีสติ  ตั้งรับต่อการก้าวรุกทางสังคมได้อย่างรู้เท่าทัน
+
ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี  ส่งผลต่อความรวดเร็วในการรับข้อมูลและการสื่อสาร  ทำให้สังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมตลอดจนความคิดและความเชื่อของคนในสังคมจำเป็นต้องตั้งรับการมีวิถีชีวิตยุคใหม่อย่างมีวิจารณญานด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากนี้เอง  ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กวัยเรียน  ทั้งการดำเนินชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง  และความคาดหวังของผู้ปกครองต่อการศึกษาต่อของบุตรหลาน  ประกอบกับการเผชิญกับสิ่งยั่วยุหรือตัวแบบที่ไม่เหมาะสมต่างๆ รอบตัว  ก่อให้เกิดปัญหาต่อเด็กและเยาวชนอย่างมาก  ทั้งปัญหาด้านการปรับตัว  ปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ  ปัญหาสุขภาพ  ปัญหาความรุนแรง ปัญหาที่มาจากสิ่งยั่วยุ เช่น  ปัญหาเด็กติดเกมส์  ปัญหายาเสพติด  ปัญหาจากพฤติกรรมทางเพศ  เป็นต้น  
 +
 
 +
ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข  หรือเตรียมการปกป้องหรือสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาเด็กและเยาวชนที่ไม่มีความคุ้มกันทางสังคม  และทักษะชีวิต  ส่งผลให้เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว  อาจเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต  มีปัญหาทางอารมณ์  จิตใจ  และมักจะมีความขัดแย้งในชีวิตได้ง่าย  และส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม  ซึ่งจะเป็นภาระในสังคม ดังนั้น  โงเรียนและครูจึงมีความสำคัญต่อการการสร้างภูมิคุ้มกัน  หรือพัฒนาทักษะชีวิตในเด็กนักเรียน  ทั้งนี้โดยการจดกิจกรรมในโรงเรียนและการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกัน  ใช้ชีวิตอย่างมีสติ  ตั้งรับต่อการก้าวรุกทางสังคมได้อย่างรู้เท่าทัน
  
 
== ความหมายของทักษะชีวิต ==
 
== ความหมายของทักษะชีวิต ==
Line 19: Line 21:
  
 
การคิดวิเคราะห์  ตัดสินใจ  และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์  หมายถึง  การแยกแยะข้อมูลข่าวสารปัญหาและสถานการณ์รอบตัว  วิพากษ์วิจารณ์และประเมินสถานการณ์รอบตัวด้วยหลักเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง  รับรู้ปัญหา  สาเหตุของปัญหา  หาทางเลือกและตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆอย่างสร้างสรรค์
 
การคิดวิเคราะห์  ตัดสินใจ  และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์  หมายถึง  การแยกแยะข้อมูลข่าวสารปัญหาและสถานการณ์รอบตัว  วิพากษ์วิจารณ์และประเมินสถานการณ์รอบตัวด้วยหลักเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง  รับรู้ปัญหา  สาเหตุของปัญหา  หาทางเลือกและตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆอย่างสร้างสรรค์
 +
 +
[[File:Maker13.jpg|500px|right]]
  
 
'''3. การจัดการกับอารมณ์และความเครียด'''
 
'''3. การจัดการกับอารมณ์และความเครียด'''
Line 28: Line 32:
 
การสร้างความสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น  หมายถึง  การเข้าใจมุมมอง  อารมณ์  ความรู้สึกของผู้อื่นใช้ภาษาพูดและภาษากายเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของตนเอง  รับรู้ความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของผู้อื่น  วางตัวได้ถูกต้องเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ  ใช้การสื่อสารที่สร้างสัมพันธภาพที่ดีสร้างความร่วมมือและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
 
การสร้างความสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น  หมายถึง  การเข้าใจมุมมอง  อารมณ์  ความรู้สึกของผู้อื่นใช้ภาษาพูดและภาษากายเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของตนเอง  รับรู้ความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของผู้อื่น  วางตัวได้ถูกต้องเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ  ใช้การสื่อสารที่สร้างสัมพันธภาพที่ดีสร้างความร่วมมือและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
  
สำหรับความเชื่อมโยงของทักษะชีวิตทั้ง 4 องค์ประกอบนั้น  หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า  องค์ประกอบของทักษะชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน  เช่น  การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นก็ย่อมทำให้เด็กสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลรอบข้างได้  เพราะเด็กเข้าใจตนเองและผู้อื่น  เห็นคุณค่าและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล  การอยู่ร่วมกับผู้อื่นสามารถเป็นไปด้วยความเข้าใจและเปิดกว้าง  ในขณะที่องค์ประกอบการจัดการกับอารมณ์และความเครียด  ก็ต้องเริ่มด้วยการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง  ทั้งในด้านอารมณ์และความคิด  จากนั้นก็อาศัยทักษะในองค์ประกอบ  การคิดวิเคราะห์  ตัดสินใจ  และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์  เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง  ผู้อื่น  และสถานการณ์  คิดไตร่ตรองทางเลือกแต่ละทางเลือก  เพื่อหาทางการจัดการกับอารมณ์ของตนเองและสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้อย่างเหมาะสม  ซึ่งองค์ประกอบทักษะชีวิตที่เป็นแกนหลักของการเรียนรู้  คือ  การวิเคราะห์  วิจารณ์และความคิดสร้างสรรค์
+
[[File:Maker6.jpg|500px|right]]
  
 +
 +
สำหรับความเชื่อมโยงของทักษะชีวิตทั้ง 4 องค์ประกอบนั้น  หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า  องค์ประกอบของทักษะชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน  เช่น  การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นก็ย่อมทำให้เด็กสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลรอบข้างได้  เพราะเด็กเข้าใจตนเองและผู้อื่น  เห็นคุณค่าและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล  การอยู่ร่วมกับผู้อื่นสามารถเป็นไปด้วยความเข้าใจและเปิดกว้าง  ในขณะที่องค์ประกอบการจัดการกับอารมณ์และความเครียด  ก็ต้องเริ่มด้วยการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง  ทั้งในด้านอารมณ์และความคิด  จากนั้นก็อาศัยทักษะในองค์ประกอบ  การคิดวิเคราะห์  ตัดสินใจ  และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์  เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง  ผู้อื่น  และสถานการณ์  คิดไตร่ตรองทางเลือกแต่ละทางเลือก  เพื่อหาทางการจัดการกับอารมณ์ของตนเองและสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้อย่างเหมาะสม  ซึ่งองค์ประกอบทักษะชีวิตที่เป็นแกนหลักของการเรียนรู้  คือ  การวิเคราะห์  วิจารณ์และความคิดสร้างสรรค์
  
 
== การพัฒนาทักษะชีวิตในโรงเรียนผ่านกิจกรรม ==
 
== การพัฒนาทักษะชีวิตในโรงเรียนผ่านกิจกรรม ==
Line 66: Line 72:
  
 
'''A: APPLY  (ปรับใช้)'''  เป็นคำถามเพื่อการปรับใช้หรือประยุกต์ เป็นการถามถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ในปัจจุบันใช้ในสถานการณ์ใหม่ที่อาจจะเผชิญเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆในอนาคต ผู้เรียนจะพิจารณาว่า  “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้นำไปปรับใช้ได้อย่างไรในสานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกัน”  “ผู้เรียนจะใช้สิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้มาเพื่อระโยชน์ของตัวเอง  ของผู้อื่น  และเพื่อกลุ่มของผู้เรียนอย่างไร”  การเรียนรู้จะถูกถ่ายทอดและถูกนำมาประยุกต์ใช้
 
'''A: APPLY  (ปรับใช้)'''  เป็นคำถามเพื่อการปรับใช้หรือประยุกต์ เป็นการถามถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ในปัจจุบันใช้ในสถานการณ์ใหม่ที่อาจจะเผชิญเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆในอนาคต ผู้เรียนจะพิจารณาว่า  “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้นำไปปรับใช้ได้อย่างไรในสานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกัน”  “ผู้เรียนจะใช้สิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้มาเพื่อระโยชน์ของตัวเอง  ของผู้อื่น  และเพื่อกลุ่มของผู้เรียนอย่างไร”  การเรียนรู้จะถูกถ่ายทอดและถูกนำมาประยุกต์ใช้
 +
 +
[[File:Maker12.jpg|500px|right]] [[File:Maker5.jpg|500px|right]]
  
 
กล่าวโดยทั่วไป  การสะท้อน –เชื่อมโยง- ปรับใช้นี้  เปิดโอกาสให้ผู้เรียนรู้ ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่มพิจารณาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาอย่างมีสติ  เชื่อมโยงประสบการณ์เหล่านนั้นกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว  และวางแผนที่จะใช้ต่อไป
 
กล่าวโดยทั่วไป  การสะท้อน –เชื่อมโยง- ปรับใช้นี้  เปิดโอกาสให้ผู้เรียนรู้ ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่มพิจารณาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาอย่างมีสติ  เชื่อมโยงประสบการณ์เหล่านนั้นกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว  และวางแผนที่จะใช้ต่อไป
Line 88: Line 96:
 
การประเมินทักษะชีวิตทีมีประสิทธิภาพได้ข้อมูลที่สอดรับกันตรงตามความจริงมากที่สุด ต้องประเมินทั้งที่เป็นการประเมินภายในและการประเมินภายนอก ถ้าการประเมินตนเอง การสะท้อนความรู้ความคิดของตนเอง มีผลการประเมินตรงกับสิ่งที่ผู้ประเมินภายนอกต้องการก็แสดงว่าผู้เรียนรู้จักตนเองอย่างแท้จริง การประเมินทักษะชีวิต “ต้องใช้จิตวัดจิต”  คือการสังเกตการณ์สัมภาษณ์ สนทนาสอบถาม
 
การประเมินทักษะชีวิตทีมีประสิทธิภาพได้ข้อมูลที่สอดรับกันตรงตามความจริงมากที่สุด ต้องประเมินทั้งที่เป็นการประเมินภายในและการประเมินภายนอก ถ้าการประเมินตนเอง การสะท้อนความรู้ความคิดของตนเอง มีผลการประเมินตรงกับสิ่งที่ผู้ประเมินภายนอกต้องการก็แสดงว่าผู้เรียนรู้จักตนเองอย่างแท้จริง การประเมินทักษะชีวิต “ต้องใช้จิตวัดจิต”  คือการสังเกตการณ์สัมภาษณ์ สนทนาสอบถาม
  
== วิธีการประเมินพฤติกรรมทักษะชีวิตผู้เรียน ==
+
 
 +
 
 +
 
 +
เรียบเรียงโดย ดร.เบ็ญจวรรณ ลี้เจริญ
 +
 
  
 
== เอกสารอ้างอิง ==
 
== เอกสารอ้างอิง ==
 
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, มูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์, & องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย. (2561). คู่มือครูศตวรรษที่21.  เข้าถึงจาก http://lifeskills.obec.go.th/?document=คู่มือครูศตวรรษที่21
 
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, มูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์, & องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย. (2561). คู่มือครูศตวรรษที่21.  เข้าถึงจาก http://lifeskills.obec.go.th/?document=คู่มือครูศตวรรษที่21

Latest revision as of 16:05, 18 October 2018

การเรียนรู้ทักษะชีวิตเป็นส่ิงสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กเพื่อให้อยู่ร่วมกับความเสี่ยงและความท้าทายในยุคปัจจุบันได้ รวมถึงทำให้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเป็นสุข การเรียนรู้ทักษะชีวิตเป็นส่ิงสำคัญที่ทำให้เกิดคุณภาพการศึกษา ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยและมูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานทักษะชีวิตของกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำเนื้อหาที่เกี่ยวกับทักษะชีวิตเพื่อให้ครูนำแนวคิดและแนวทางการทำกิจกรรมไปใช้สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่21ให้แก่ผู้เรียน ดังมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

ความสำคัญของทักษะชีวิต

ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ส่งผลต่อความรวดเร็วในการรับข้อมูลและการสื่อสาร ทำให้สังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมตลอดจนความคิดและความเชื่อของคนในสังคมจำเป็นต้องตั้งรับการมีวิถีชีวิตยุคใหม่อย่างมีวิจารณญานด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากนี้เอง ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กวัยเรียน ทั้งการดำเนินชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และความคาดหวังของผู้ปกครองต่อการศึกษาต่อของบุตรหลาน ประกอบกับการเผชิญกับสิ่งยั่วยุหรือตัวแบบที่ไม่เหมาะสมต่างๆ รอบตัว ก่อให้เกิดปัญหาต่อเด็กและเยาวชนอย่างมาก ทั้งปัญหาด้านการปรับตัว ปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาความรุนแรง ปัญหาที่มาจากสิ่งยั่วยุ เช่น ปัญหาเด็กติดเกมส์ ปัญหายาเสพติด ปัญหาจากพฤติกรรมทางเพศ เป็นต้น

ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข หรือเตรียมการปกป้องหรือสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาเด็กและเยาวชนที่ไม่มีความคุ้มกันทางสังคม และทักษะชีวิต ส่งผลให้เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว อาจเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีปัญหาทางอารมณ์ จิตใจ และมักจะมีความขัดแย้งในชีวิตได้ง่าย และส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ซึ่งจะเป็นภาระในสังคม ดังนั้น โงเรียนและครูจึงมีความสำคัญต่อการการสร้างภูมิคุ้มกัน หรือพัฒนาทักษะชีวิตในเด็กนักเรียน ทั้งนี้โดยการจดกิจกรรมในโรงเรียนและการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกัน ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ตั้งรับต่อการก้าวรุกทางสังคมได้อย่างรู้เท่าทัน

ความหมายของทักษะชีวิต

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  (สพฐ.)  ให้คำจำกัดความของคำว่า “ทักษะชีวิต” (Life Skills) หมายถึง  “ความสามารถของบุคคลที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ  รอบตัวในสภาพสังคมปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัวในอนาคต”  

ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบคือ

1. การตระหนักรู้และเห็นถึงคุณค่าในตนเองและผู้อื่น

การตระหนักรู้และเห็นถึงคุณค่าในตนเองและผู้อื่น หมายถึง การรู้ความถนัด ความสามารถ รู้จุดเด่นจุดด้อยของตนเอง เข้าใจความแตกต่างของแต่ละ จักตนเอง ยอมรับ เห็นคุณค่าและ ภาคภูมิใจในตนเองและผู้อื่น มีเป้าหมายในชีวิต และมีความรับผิดชอบ

2. การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การแยกแยะข้อมูลข่าวสารปัญหาและสถานการณ์รอบตัว วิพากษ์วิจารณ์และประเมินสถานการณ์รอบตัวด้วยหลักเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง รับรู้ปัญหา สาเหตุของปัญหา หาทางเลือกและตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆอย่างสร้างสรรค์

Maker13.jpg

3. การจัดการกับอารมณ์และความเครียด

การจัดการกับอารมณ์และความเครียด หมายถึง ความเข้าใจและรู้เท่าทันภาวะอารมณ์ของบุคคลรู้สาเหตุของความเครียด รู้วิธีการควบคุมอารมณ์และความเครียด รู้วิธีผ่อนคลาย หลีกเลี่ยง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอารมณ์ไม่พึงประสงค์ไปในทางที่ดี

4. การสร้างความสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น

การสร้างความสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น หมายถึง การเข้าใจมุมมอง อารมณ์ ความรู้สึกของผู้อื่นใช้ภาษาพูดและภาษากายเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของตนเอง รับรู้ความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของผู้อื่น วางตัวได้ถูกต้องเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ ใช้การสื่อสารที่สร้างสัมพันธภาพที่ดีสร้างความร่วมมือและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

Maker6.jpg


สำหรับความเชื่อมโยงของทักษะชีวิตทั้ง 4 องค์ประกอบนั้น หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า องค์ประกอบของทักษะชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน เช่น การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นก็ย่อมทำให้เด็กสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลรอบข้างได้ เพราะเด็กเข้าใจตนเองและผู้อื่น เห็นคุณค่าและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล การอยู่ร่วมกับผู้อื่นสามารถเป็นไปด้วยความเข้าใจและเปิดกว้าง ในขณะที่องค์ประกอบการจัดการกับอารมณ์และความเครียด ก็ต้องเริ่มด้วยการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง ทั้งในด้านอารมณ์และความคิด จากนั้นก็อาศัยทักษะในองค์ประกอบ การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง ผู้อื่น และสถานการณ์ คิดไตร่ตรองทางเลือกแต่ละทางเลือก เพื่อหาทางการจัดการกับอารมณ์ของตนเองและสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งองค์ประกอบทักษะชีวิตที่เป็นแกนหลักของการเรียนรู้ คือ การวิเคราะห์ วิจารณ์และความคิดสร้างสรรค์

การพัฒนาทักษะชีวิตในโรงเรียนผ่านกิจกรรม

1. เกิดเองตามธรรมชาติ เป็นการเรียนรู้ที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการมีแบบอย่างที่ดีต่อการเรียนรู้ ตามธรรมชาติจะไม่มีทิศทางและเวลาที่แน่นอน บางครั้งกว่าจะรู้ ก็อาจจะสายเกินไป

2. การสร้างและพัฒนาโดยกระบวนการเรียนการสอน เป็นการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันในกลุ่ม ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆได้ลงมือปฏิบัติ ได้ร่วมคิด อภิปราย แสดงความคิดเห็น ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ได้สะท้อน ความรู้สึกนึกคิด มุมมอง เชื่อมโยงสู่วิถีของตนเอง เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่และปรับใช้กับชีวิต

การพัฒนาทักษะชีวิตจึงเป็นการพัฒนาความสามารถจากภายในตัวของผู้เรียน เพื่อให้มีความเข้มแข็งในการจัดการกับปัญหาที่อาจเผชิญในอนาคต และเป็นความสามารถในการปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้อยู่ร่วมกับสังคมไทยได้อย่างเป็นสุข ดังนั้น การพัฒนาทักษะชีวิตไม่อาจเกิดขึ้นได้ในวันเดียว แต่ต้องอาศัยระยะเวลาความถี่ในการจัดกิจกรรมและความต่อเนื่องในการพัฒนา ซึ่งต้องสอดคล้องกับพัฒนาการตามช่วงวัยของผู้เรียนอีก โดยสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดจุดเน้นทักษะชีวิตในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็นตัวอย่างในการพัฒนาทักษะชีวิตให้แก่ผู้เรียน เป็นลำดับขั้นอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับช่วงวัย

กิจกรรมการสร้างและพัฒนาทักษะชีวิต

กิจกรรมเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนแนวคิดสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น การจะสร้างและพัฒนาทักษะชีวิตจึงต้องเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child-Centered Learning) ผู้เรียนเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ ซึ่งลักษณะของกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพในการสร้างและพัฒนาทักษะชีวิตผู้เรียน มีดังนี้

1. กิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมค้นพบความรู้หรือสร้างความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะชีวิตในด้านการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เช่น กิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้โอกาสผู้เรียนแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ข่าวสาร เหตุการณ์ สถานการณ์หรือประสบการณ์ของผู้เรียน และกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้สืบค้นหรือศึกษาค้นคว้าคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลจากสื่อต่างๆ และแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาได้สะท้อนตนเองเชื่อมโยงกับชีวิตแลการดำเนินชีวิตในอนาคต

2. กิจกรรมที่ผู้เรียนรู้ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ลงมือกระทำกิจกรรมลักษณะต่างๆได้ประยุกต์ใช้ความรู้ เช่นกิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมค่าย กิจกรรมวันสำคัญ กิจกรรมชมรม/ชุมนุม กิจกรรมโครงการ/โครงการ กิจกรรมจิตอาสา เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทักษะชีวิต ดังต่อไปนี้

2.1การได้เสริมสร้างสัมพันธภาพและใช้ทักษะการสื่อสาร ได้ฝึกจัดการกับอารมณ์และความเครียดของตนเอง

2.2การได้รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทำให้เข้าใจผู้อื่น นำไปสู่การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นรู้จักไตร่ตรองทำความเข้าใจและตรวจสอบตนเองทำให้เข้าใจตนเองและเห็นใจผู้อื่น

2.3การได้รับการยอมรับจากกลุ่มได้แสดงออกด้านความคิด การพูดและการทำงานมีความสำเร็จทำให้ได้รับคำชม เกิดเป็นความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าในตนเอง นำไปสู่ความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและสังคม

3. กิจกรรมการบูรณาการการเรียนรู้ทักษะชีวิตในวิถีการเรียนรู้ปกติในรายวิชา ด้วยคำถามที่กระตุ้นกระบวนการคิดอย่างมีประสิทธิภาพ และ อาจใช้ชุดคำถาม “R-C-A” หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมการเรียนรู้รายครั้งหรือรายกิจกรรม โดยวิธี 3.1 กำหนดวัตถุประสงค์ทักษะชีวิตไว้ในแผนการสอน ออกแบบการเรียนรู้ 3.2 กำหนดคำถามนำไปสู่ทักษะชีวิตที่ต้องการเสริมสร้างหรืออาจจะสังเกตพฤติกรรมในขณะผู้เรียนร่วมกิจกรรม แล้วกำหนดคำถามที่จะนำไปสู่คำตอบที่สะท้อนให้ผู้เรียนฉุกใจคิดและปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ผู้สอนต้องการแก้ไข

การพัฒนาทักษะชีวิตผ่านกระบวนการ “R-C-A”

กิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่น การกีฬาและการมรส่วนร่วมตามแนวคิดของมูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์นี้ดำเนินการตามคู่มือการออกแบบการเรียนการสอนของ David E.Kolb นักทฤษฎีด้านการศึกษาชาวอเมริกันซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาทักษะชีวิต เป็นกิจกรรมกระบวนการที่อาศัยเทคนิคการเรียนการสอน มีกติกามีลำดับขั้นตอนและมีข้อคิดที่สอดคล้องวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ มีการใช้ประเด็นคำถามสำคัญให้ผู้เรียนได้อภิปรายแสดงความรู้สึกนึกคิดและการประยุกต์ ความคิดอย่างมีประสิทธิภาพหลังสิ้นสุดการเรียนรู้ในแต่ละครั้ง ด้วยประเด็นคำถามสะท้อน คิดเชื่อมโยง การปรับใช้ในการสถานการณ์ใหม่ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญ ที่จะพัฒนาทักษะชีวิตให้ผู้เรียนได้ตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น รู้จักการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการสะท้อนด้วยชุดคำถาม “R-C-A” ซึ่งเป็นกลยุทธในการเรียนรู้ที่จะช่วยให้นักเรียนสร้างกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ ผ่านการสะท้อนและบทสนทนากับเพื่อนและบุคคลอื่น กล่าวคือ

R: Reflect (สะท้อน) เป็นคำถามผู้ให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกหรือมุมมองของตน เป็นการถามถึงสิ่งที่ผู้เรียนสังเกตเห็น มองเห็น หรือสัมผัส หรือถามถึงความรู้สึกของผู้เรียนที่เกิดขึ้นในขณะร่วมกิจกรรมการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ในชั่วโมงนั้น ผู้เรียนจะพิจารณาว่า “ฉันเพิ่งได้เรียนรู้อะไร” “มีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้างภายนอกตัวฉันและในตัวฉัน” ผู้เรียนจะจดจำประสบการณ์และทำให้มันเป็นรูปร่างขึ้นมา เช่น ผู้เรียนอาจจะเรียงลำดับและปะติดปะต่อเหตุการณ์ให้เป็นลำดับเหตุการณ์อย่างง่ายๆ แสดงความสัมพันธ์ของเหตุและผล หรือแสดงให้เห็นปัญหาและการแก้ปัญหา และเรื่องอื่นๆ ประสบการณ์ที่เพิ่งได้รับมาจะได้รับจัดเรียงลำดับ

C: Connect (เชื่อมโยง) เป็นคำถามเพื่อให้ผู้เรียนได้คิดเชื่อมโยง เป็นการถามเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างประสบการณ์หรือวามรู้ที่มีมาก่อนกับประสบการณ์หรือความคิดที่เกิดจากการเรียนรู้ใหม่ในชั่วโมงนั้น ผู้เรียนจะพิจารณาว่า “ประสบการณ์นี้เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ก่อนหน้านี้อย่างไร มีความเชื่อมโยงกับสิ่งที่ผู้เรียนเคยรู้ เชื่อ และรู้สึกอย่างไรบ้าง” “เสริมสร้างหรือขยายมุมมองของผู้เรียนหรือไม่ คัดค้านหรือหักล้างความคิดของผู้เรียนหรือไม่” ประสบการณ์จะถูกจัดลำดับและรวบรวมต่อไป

A: APPLY (ปรับใช้) เป็นคำถามเพื่อการปรับใช้หรือประยุกต์ เป็นการถามถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ในปัจจุบันใช้ในสถานการณ์ใหม่ที่อาจจะเผชิญเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆในอนาคต ผู้เรียนจะพิจารณาว่า “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้นำไปปรับใช้ได้อย่างไรในสานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกัน” “ผู้เรียนจะใช้สิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้มาเพื่อระโยชน์ของตัวเอง ของผู้อื่น และเพื่อกลุ่มของผู้เรียนอย่างไร” การเรียนรู้จะถูกถ่ายทอดและถูกนำมาประยุกต์ใช้

Maker12.jpg
Maker5.jpg

กล่าวโดยทั่วไป การสะท้อน –เชื่อมโยง- ปรับใช้นี้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนรู้ ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่มพิจารณาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาอย่างมีสติ เชื่อมโยงประสบการณ์เหล่านนั้นกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว และวางแผนที่จะใช้ต่อไป

แนวคิดในการประเมินทักษะชีวิต

การประเมินมีหลายลักษณะ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงการประเมินที่เหมาะสมกับการประเมินทักษะชีวิตในชั้นเรียนเพียง 3 ลักษณะ ดังต่อไปนี้

  • 1. การประเมินวินิจฉัย (Diagnosic Assessmant) เป็นการประเมินที่เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อค้นหาว่าผู้เรียนมีพฤติกรรมทักษะชีวิตอย่างไร มีข้อบกพร่องอะไรบ้างที่จะต้องได้รับการส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนต่อไป วิธีการประเมินอาจใช้ทั้งสังเกตการณ์สนทนาพูดคุย สอบถามหรือประเมินตนเองก็ได้
  • 2. การประเมินระหว่างการเรียนรู้หรือระหว่างทำกิจกรรม(Ongoing Assessment) เป็นการประเมินการเรียนรู้และพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างต่อเนื่อง ตลอดการเรียนการสอน เป็นการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้เรียนในสภาพที่สอดคล้องกับความเป็นจริง แล้วสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนออกมา การประเมินลักษณะนี้มีความสำคัญมาก ครูจะได้ข้อมูลที่เป็นจริงที่สามรถนำมาไปกำหนดแนวทางการพัฒนาทักษะชีวิตให้ผู้เรียนมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าตามตัวชี้วัดพฤติกรรมทักษะชีวิตที่คาดหวัง วิธีการประเมินอาจใช้การสังเกต การสัมภาษณ์ การสอบถามพูดคุยสนทนา จดบันทึกแล้ววิเคราะห์ให้ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะหรือข้อแนะนำเพื่อการพัฒนาพฤติกรรมทักษะชีวิตต่อไป

การประเมินเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตจึงให้ความสำคัญกับการประเมินระหว่างการเรียนรู้หรือ ระหว่างการเรียนการสอน คือ จัดการเรียนรู้พร้อมกับจดบันทึกรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของนักเรียนไปพร้อมกัน และใช้ข้อมูลนั้นมาพัฒนาผู้เรียนต่อไป

  • 3. การประเมินสรุปรวบยอด (Summative Assessment) เป็นการประเมินการเรียนรู้หรือพฤติกรรมที่ได้รับการพัฒนาแล้วเมื่อสิ้นสุดกระบวนการพัฒนา เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมทักษะผู้เรียนตามตัวชี้วัด และใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับการประเมินวินิจฉัยก่อนการเรียนรู้ทักษะชีวิต ทำให้ทราบพัฒนาการทักษะชีวิตของผู้เรียน วิธีการประเมินอาจใช้การสังเกตสัมภาษณ์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล โดยประเมินความสามรถในการบเผชิญสถานการณ์ต่างๆ การแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่กำหนดให้ และวิเคราะห์ความคิด ความเชื่อ การรู้คิดและภูมิคุ้มกันทางปัญญาของผู้เรียนจากการสะท้อนความคิด การเชื่อมโยงความคิด และการแสดงพฤติกรรมต่อเนื่องเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเรียนรู้


นอกจากลักษณะของการประเมินทั้ง 3 ลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสิ่งสำคัญที่ควรนำมาพิจารณาคือ ผู้ประเมินและบริบทของการประเมิน ดังนี้

  • การประเมินภายใน (Internal Evaluation) เป็นการประเมินตนเอง (Self Evaluation) ซึ่งผู้เรียนที่มีความสามารถในการอ่านและสามารถตีความจากประเด็นที่อ่านได้จึงจะประเมินตนเองได้
  • การประเมินภายนอก (External Evaluation) เป็นการประเมินโดยผู้อื่น ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่คอยเฝ้าดู เฝ้าสังเกตพฤติกรรมและความเปลี่ยนแปลงปรับตัวของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง

การประเมินทักษะชีวิตทีมีประสิทธิภาพได้ข้อมูลที่สอดรับกันตรงตามความจริงมากที่สุด ต้องประเมินทั้งที่เป็นการประเมินภายในและการประเมินภายนอก ถ้าการประเมินตนเอง การสะท้อนความรู้ความคิดของตนเอง มีผลการประเมินตรงกับสิ่งที่ผู้ประเมินภายนอกต้องการก็แสดงว่าผู้เรียนรู้จักตนเองอย่างแท้จริง การประเมินทักษะชีวิต “ต้องใช้จิตวัดจิต” คือการสังเกตการณ์สัมภาษณ์ สนทนาสอบถาม



เรียบเรียงโดย ดร.เบ็ญจวรรณ ลี้เจริญ


เอกสารอ้างอิง

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, มูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์, & องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย. (2561). คู่มือครูศตวรรษที่21. เข้าถึงจาก http://lifeskills.obec.go.th/?document=คู่มือครูศตวรรษที่21