Difference between revisions of "วิธีสอนแบบโสเครติส"
 (Created page with "ความหมาย ลักษณะวิธีการสอนแบบโสเครติส  เทคนิคการตั้งถามโดยวิธ...")  | 
				|||
| (6 intermediate revisions by the same user not shown) | |||
| Line 1: | Line 1: | ||
| − | ความหมาย  | + | |
| − | + | == การสอนแบบโสเครติสคืออะไร ? ==  | |
| − | เทคนิคการตั้งถามโดยวิธีโสเครติส  | + | |
| − | + | ความหมาย วิธีโสเครติส (Socrates method)   | |
| + | |||
| + | โสเครติส (Socrates, 469-399 B.C.E) นักปรัชญาและนักการศึกษาชาวกรีกที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะ  นักคิดที่ยิ่งใหญ่ของปรัชญาตะวันตก (The great thinker of western philosophy) เป็นครูสอนตรรกวิทยาและหลักการประชาธิปไตย  รูปแบบการสอนของโสเครติสจะไม่ใช่สอนโดยวิธีบรรยาย  แต่จะสอนด้วยการสนทนาและการถามตอบโดยจะตั้งคำถามหลายๆข้อ  เพื่อให้นักเรียนดึงความรู้จากประสบการณ์ออกมาให้ได้  การสนทนาระหว่างโสเครติสกับนักศึกษาจะดำเนินไปทีละขั้นตอนตามแนวทางที่นักปรัชญาในอดีตเคยใช้ในการค้นหาความรู้ นักเรียนแต่ละคนจะทำงานหนักเช่นเดียวกันกับครู เนื่องจากครูจะป้อนคำถามไปเรื่อยจนกว่านักเรียนจะพบคำตบด้วยตัวเอง วิธีการนี้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้  (มัณฑรา ธรรมบุศย์)  | ||
| + | |||
| + | ธีรพงศ์ แก่นอินทร์ ได้ระบุว่า วิธีสอนแบบโสเครติส  เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนใช้เหตุผลในการสืบค้นร่วมกันโดยการสนทนา  (Dialogical  enquiry)  และมีการใช้คำถามแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้าถึงความจริง  | ||
| + | |||
| + | == เทคนิคการตั้งถามโดยวิธีโสเครติส==  | ||
| + | |||
| + | การตั้งคำถามโดยวิธีโสเครติสมีเป้าหมายหลัก  คือ  เพื่อท้าทายนักเรียนให้ค้นหาตำตอบจากการคิดจนกว่าจะได้คำตอบที่สมบูรณ์และถูกต้อง  คำถามที่โสเครติสมักใช้ในการสอนมีอยู่ 6 ประเภท ดังนี้  | ||
| + | |||
| + | 1. Conceptual  Clarification Questions   | ||
| + | |||
| + | เป็นคำถามที่ผู้สอนต้องการให้ผู้เรียนทำความกระจ่างกับคำตอบตนเอง โดยให้ผู้เรียนทบทวนอีกครั้งหนึ่งถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคำถาม  หรือความถูกต้องของคำตอบ  เป็นการตรวจสอบความคิดของตนเองหลังจากให้คำตอบไปแล้ว  หรือหลังจากมรการอภิปรายถกเถียงกันในกลุ่มแล้ว  คำถามแบบนี้จึงมีลักษณะของคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนบอกความคิดเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คำตอบที่เจาะลึกมากขึ้น    | ||
| + | |||
| + | ตัวอย่างคำถามผู้สอนสามารถนำไปใช้ เช่น   | ||
| + | |||
| + | ทำไมเธอจึงตอบอย่างนั้น?  | ||
| + | |||
| + | ความหมายที่ถูกต้องจริงๆ คืออะไรกันแน่  | ||
| + | |||
| + | คำตอบของเธอเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | สรุปว่าตอนนี้เรารู้อะไรเกี่ยวกับ………….บ้าง  | ||
| + | |||
| + | เธอยกตัวอย่างในสิ่งที่เธอกำลังพูดได้ไหม?  | ||
| + | |||
| + | เธอกำลังพูดว่า……………หรือ…………..ใช่ไหม?  | ||
| + | |||
| + | ลองพูดซ้ำอีกครั้งจะได้ไหม?  | ||
| + | |||
| + | 2. Probing Assumptions  เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับข้อสันนิฐานและความเชื่อต่างๆ ที่ยังไม่แน่นอนซึ่งนักเรียนค้นพบในระหว่างที่มีการอภิปรายร่วมกัน  คำถามที่ใช้จึงเป็นคำถามที่ต้องการหาข้อเท็จจริง    | ||
| + | |||
| + | ตัวอย่างคำถามที่ใช้  เช่น  | ||
| + | |||
| + | นอกจาก……………….ยังสามารถสันนิษฐานในแง่มุมใดได้อีก?  | ||
| + | |||
| + | ดูเหมือนเธอจะสันนิษฐานว่า……….ใช่ไหม?  | ||
| + | |||
| + | เธอเลือกข้อสันนิษฐานเหล่านี้มาโดยวิธีใด?  | ||
| + | |||
| + | ลองอธิบายว่าทำไม/อย่างไร……………..?  | ||
| + | |||
| + | เธอจะพิสูจน์หรือตรวจสอบข้อสันนิษฐานนี้ได้อย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า……………?  | ||
| + | |||
| + | 3. Probing  Rationale, Reasons and Evidence   | ||
| + | |||
| + | เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะแสดงความคิดเห็นโดยขาดเหตุผลหรือมีข้อสนับสนุนที่ยังอ่อนด้อยเกินไป    | ||
| + | |||
| + | ดังนั้น  คำถามประเภทนี้จึงต้องการให้ผู้เรียนคิดหาเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนคำตอบที่ได้จากการอภิปรายถกเถียงกัน  โดยต้องเป็นความคิดที่สมเหตุสมผล  มีหลักฐานยืนยัน  ไม่ใช่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น    | ||
| + | |||
| + | ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น   | ||
| + | |||
| + | ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น?  | ||
| + | |||
| + | เธอรู้ได้อย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | ลองแสดงให้ดู หรือ แสดงให้เห็นว่า…………..?  | ||
| + | |||
| + | เธอจะยกตัวอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือไม่?  | ||
| + | |||
| + | เธอคิดว่าเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากอะไร?  | ||
| + | |||
| + | เธอยืนยันเรื่องที่พูดได้หรือไม่?  | ||
| + | |||
| + | เหตุผลที่เธอพูดมา  เธอคิดว่าเพียงพอแล้วหรือยัง  | ||
| + | |||
| + | เรื่องนี้มีข้อหักล้างได้หรือไม่?  | ||
| + | |||
| + | ครูจะเชื่อได้อย่างไรในสิ่งที่เธอพูด?  | ||
| + | |||
| + | 4. Questioning Viewpoints and Perspectives   | ||
| + | |||
| + | เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นหรือเสนอมุมมองอื่นๆอีกที่เชื่อถือได้  ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น  | ||
| + | |||
| + | เรื่องนี้ยังมีแง่มุมอื่นที่มีเชื่อถือได้อีกหรือไม่?  | ||
| + | |||
| + | ทางเลือกอื่นในการพิจารณาเรื่องนี้มีอีกหรือไม่?  | ||
| + | |||
| + | ทำไมเรื่อง………….จึงมีความสำคัญ?  | ||
| + | |||
| + | ข้อแตกต่างระหว่าง………กับ………..คืออะไร?  | ||
| + | |||
| + | ทำไมเรื่องนี้จึงดีกว่า………..?  | ||
| + | |||
| + | จุดเด่นและจุดด้อยของ………คืออะไร?  | ||
| + | |||
| + | ………….กับ…………เหมือนกันอย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | เธอสามารถมองเรื่องนี้ในแง่มุมอื่นได้หรือไม่?  | ||
| + | |||
| + | ถ้าเธอเปรียบเทียบ………….กับ…………….จะเป็นอย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | 5. Probe Implications and Consequences    | ||
| + | |||
| + | เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคาดคะเนเกี่ยวกับการนำไปใช้และผลที่อาจเกิดตามมาภายหลัง  ตัวอย่างคำถามที่นำมาใช้  เช่น    | ||
| + | |||
| + | ถ้าไม่มีพระอาทิตย์ จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา?  | ||
| + | |||
| + | ผลที่อาจเกิดขึ้นภายหลังของข้อสันนิษฐานนี้คืออะไร?  | ||
| + | |||
| + | เรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อใครบ้าง?  | ||
| + | |||
| + | สิ่งที่กำลังพูดกันอยู่นี้สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียนอย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | สิ่งที่ดีที่สุดของ………….คืออะไร?  เพราะเหตุใด?  | ||
| + | |||
| + | 6. Questions about the Question   | ||
| + | |||
| + | เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดทบทวนเกี่ยวกับคำถามที่ได้  | ||
| + | |||
| + | ถามไปแล้ว  ลักษณะของการถามจึงเป็นการสะท้อนคำถามกลับไปยังผู้ถามอีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างคำถามที่นำมาใช้ เช่น  | ||
| + | |||
| + | ประเด็นของการตั้งคำถามข้อนี้คืออะไร?  | ||
| + | |||
| + | เธอคิดว่าครูถามคำถามข้อนี้เพราะเหตุใด?  | ||
| + | |||
| + | คำถามนี้หมายความว่าอย่างไร?  | ||
| + | |||
| + | จากทั้ง 6ตัวอย่างที่ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างข้างต้น คำถามดังกล่าวอาจมีผู้คิดว่าวิธีโสเครติสเป็นวิธีที่ง่าย  แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นวิธีที่มีความเข้มงวดมาก  เนื่องจากโสเครติสเชื่อว่า ความรู้ (Knowledge) และ การตระหนักรู้ (awareness) เป็นส่วนที่อยู่ภายในของเราทุกคน  ดังนั้น  ผู้ที่จะฝึกฝนการสอนที่ดีจะต้องพยายามเข้าให้ถึงระดับของความรู้และการตระหนักรู้ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวผู้เรียนให้มากที่สุด  เพื่อช่วยให้ผู้เรียนก้าวไปสู่การคิดในระดับใหม่ๆ ได้ คำถามที่ดีจึงมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ คือ  | ||
| + | |||
| + | *ทำให้ได้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง (factual information)  | ||
| + | *ทำให้เกิดความเชื่อโยงวามคิดรวบยอดต่างๆได้ (connecting concepts)   | ||
| + | *ช่วยทำให้ได้ข้อสรุปหรือข้อวินิจฉัย (making inferences) ที่สามารถอ้างอิงได้  | ||
| + | *ทำให้ผู้เรียนมีการตระหนักรู้มากขึ้น (increasing awareness)  | ||
| + | *ส่งเสริมความคิดริเริ่มและการคิดแบบจินตนาการ (encouraging creative and imaginative thought)  | ||
| + | *ช่วยให้เกิดกระบวนการคิดเชิงวิพากษ์  (aiding critical thinking processes)  | ||
| + | *ช่วยเหลือผู้เรียนในการสำรวจความรู้ การคิด และการเข้าใจในระดับที่ลึกมากขึ้น (helping  learners  explore  deeper  levels  of  knowing  thinking, and  understanding)  | ||
| + | |||
| + | == ประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ ==  | ||
| + | |||
| + | วิธีโสเครติสเป็นวิธีสอนแบบหนึ่งที่ส่งเสริมผู้เรียนให้ลง มือปฏิบัติจริง (active learning) สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนทุกระดับการศึกษา  และยังสอดคล้องกับแนวนโยบายการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดังนี้  | ||
| + | |||
| + | *เป็นการสอนที่เน้นปัญหาเป็นศูนย์กลาง (problem-centered)  | ||
| + | *เป็นวิธีสอนที่สนับสนุนแนวคิดแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง   | ||
| + | *ผู้สอนต้องอาศัยความรู้เดิมและประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นพื้นฐานในการค้นหาความรู้  | ||
| + | *ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์  ไม่ใช่การเรียนโดยการท่องจำ  | ||
| + | *ผู้สอนไม่ใช่ผู้บอกความรู้  แต่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก  | ||
| + | *เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการค้นพบ (learning is discovery)ของผู้เรียนเอง ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ในทุกสถานการณ์  | ||
| + | |||
| + | |||
| + | == เอกสารอ้างอิง ==  | ||
Latest revision as of 14:15, 4 December 2018
Contents
การสอนแบบโสเครติสคืออะไร ?
ความหมาย วิธีโสเครติส (Socrates method)
โสเครติส (Socrates, 469-399 B.C.E) นักปรัชญาและนักการศึกษาชาวกรีกที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะ นักคิดที่ยิ่งใหญ่ของปรัชญาตะวันตก (The great thinker of western philosophy) เป็นครูสอนตรรกวิทยาและหลักการประชาธิปไตย รูปแบบการสอนของโสเครติสจะไม่ใช่สอนโดยวิธีบรรยาย แต่จะสอนด้วยการสนทนาและการถามตอบโดยจะตั้งคำถามหลายๆข้อ เพื่อให้นักเรียนดึงความรู้จากประสบการณ์ออกมาให้ได้ การสนทนาระหว่างโสเครติสกับนักศึกษาจะดำเนินไปทีละขั้นตอนตามแนวทางที่นักปรัชญาในอดีตเคยใช้ในการค้นหาความรู้ นักเรียนแต่ละคนจะทำงานหนักเช่นเดียวกันกับครู เนื่องจากครูจะป้อนคำถามไปเรื่อยจนกว่านักเรียนจะพบคำตบด้วยตัวเอง วิธีการนี้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ (มัณฑรา ธรรมบุศย์)
ธีรพงศ์ แก่นอินทร์ ได้ระบุว่า วิธีสอนแบบโสเครติส เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนใช้เหตุผลในการสืบค้นร่วมกันโดยการสนทนา (Dialogical enquiry) และมีการใช้คำถามแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้าถึงความจริง
เทคนิคการตั้งถามโดยวิธีโสเครติส
การตั้งคำถามโดยวิธีโสเครติสมีเป้าหมายหลัก คือ เพื่อท้าทายนักเรียนให้ค้นหาตำตอบจากการคิดจนกว่าจะได้คำตอบที่สมบูรณ์และถูกต้อง คำถามที่โสเครติสมักใช้ในการสอนมีอยู่ 6 ประเภท ดังนี้
1. Conceptual Clarification Questions
เป็นคำถามที่ผู้สอนต้องการให้ผู้เรียนทำความกระจ่างกับคำตอบตนเอง โดยให้ผู้เรียนทบทวนอีกครั้งหนึ่งถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคำถาม หรือความถูกต้องของคำตอบ เป็นการตรวจสอบความคิดของตนเองหลังจากให้คำตอบไปแล้ว หรือหลังจากมรการอภิปรายถกเถียงกันในกลุ่มแล้ว คำถามแบบนี้จึงมีลักษณะของคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนบอกความคิดเพิ่มเติมเพื่อให้ได้คำตอบที่เจาะลึกมากขึ้น
ตัวอย่างคำถามผู้สอนสามารถนำไปใช้ เช่น
ทำไมเธอจึงตอบอย่างนั้น?
ความหมายที่ถูกต้องจริงๆ คืออะไรกันแน่
คำตอบของเธอเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอย่างไร?
สรุปว่าตอนนี้เรารู้อะไรเกี่ยวกับ………….บ้าง
เธอยกตัวอย่างในสิ่งที่เธอกำลังพูดได้ไหม?
เธอกำลังพูดว่า……………หรือ…………..ใช่ไหม?
ลองพูดซ้ำอีกครั้งจะได้ไหม?
2. Probing Assumptions เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับข้อสันนิฐานและความเชื่อต่างๆ ที่ยังไม่แน่นอนซึ่งนักเรียนค้นพบในระหว่างที่มีการอภิปรายร่วมกัน คำถามที่ใช้จึงเป็นคำถามที่ต้องการหาข้อเท็จจริง
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น
นอกจาก……………….ยังสามารถสันนิษฐานในแง่มุมใดได้อีก?
ดูเหมือนเธอจะสันนิษฐานว่า……….ใช่ไหม?
เธอเลือกข้อสันนิษฐานเหล่านี้มาโดยวิธีใด?
ลองอธิบายว่าทำไม/อย่างไร……………..?
เธอจะพิสูจน์หรือตรวจสอบข้อสันนิษฐานนี้ได้อย่างไร?
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า……………?
3. Probing Rationale, Reasons and Evidence
เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะแสดงความคิดเห็นโดยขาดเหตุผลหรือมีข้อสนับสนุนที่ยังอ่อนด้อยเกินไป
ดังนั้น คำถามประเภทนี้จึงต้องการให้ผู้เรียนคิดหาเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนคำตอบที่ได้จากการอภิปรายถกเถียงกัน โดยต้องเป็นความคิดที่สมเหตุสมผล มีหลักฐานยืนยัน ไม่ใช่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น
ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น?
เธอรู้ได้อย่างไร?
ลองแสดงให้ดู หรือ แสดงให้เห็นว่า…………..?
เธอจะยกตัวอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือไม่?
เธอคิดว่าเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากอะไร?
เธอยืนยันเรื่องที่พูดได้หรือไม่?
เหตุผลที่เธอพูดมา เธอคิดว่าเพียงพอแล้วหรือยัง
เรื่องนี้มีข้อหักล้างได้หรือไม่?
ครูจะเชื่อได้อย่างไรในสิ่งที่เธอพูด?
4. Questioning Viewpoints and Perspectives
เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นหรือเสนอมุมมองอื่นๆอีกที่เชื่อถือได้ ตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น
เรื่องนี้ยังมีแง่มุมอื่นที่มีเชื่อถือได้อีกหรือไม่?
ทางเลือกอื่นในการพิจารณาเรื่องนี้มีอีกหรือไม่?
ทำไมเรื่อง………….จึงมีความสำคัญ?
ข้อแตกต่างระหว่าง………กับ………..คืออะไร?
ทำไมเรื่องนี้จึงดีกว่า………..?
จุดเด่นและจุดด้อยของ………คืออะไร?
………….กับ…………เหมือนกันอย่างไร?
เธอสามารถมองเรื่องนี้ในแง่มุมอื่นได้หรือไม่?
ถ้าเธอเปรียบเทียบ………….กับ…………….จะเป็นอย่างไร?
5. Probe Implications and Consequences
เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคาดคะเนเกี่ยวกับการนำไปใช้และผลที่อาจเกิดตามมาภายหลัง ตัวอย่างคำถามที่นำมาใช้ เช่น
ถ้าไม่มีพระอาทิตย์ จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา?
ผลที่อาจเกิดขึ้นภายหลังของข้อสันนิษฐานนี้คืออะไร?
เรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อใครบ้าง?
สิ่งที่กำลังพูดกันอยู่นี้สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียนอย่างไร?
สิ่งที่ดีที่สุดของ………….คืออะไร? เพราะเหตุใด?
6. Questions about the Question
เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้เรียนคิดทบทวนเกี่ยวกับคำถามที่ได้
ถามไปแล้ว ลักษณะของการถามจึงเป็นการสะท้อนคำถามกลับไปยังผู้ถามอีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างคำถามที่นำมาใช้ เช่น
ประเด็นของการตั้งคำถามข้อนี้คืออะไร?
เธอคิดว่าครูถามคำถามข้อนี้เพราะเหตุใด?
คำถามนี้หมายความว่าอย่างไร?
จากทั้ง 6ตัวอย่างที่ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างข้างต้น คำถามดังกล่าวอาจมีผู้คิดว่าวิธีโสเครติสเป็นวิธีที่ง่าย แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นวิธีที่มีความเข้มงวดมาก เนื่องจากโสเครติสเชื่อว่า ความรู้ (Knowledge) และ การตระหนักรู้ (awareness) เป็นส่วนที่อยู่ภายในของเราทุกคน ดังนั้น ผู้ที่จะฝึกฝนการสอนที่ดีจะต้องพยายามเข้าให้ถึงระดับของความรู้และการตระหนักรู้ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวผู้เรียนให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้เรียนก้าวไปสู่การคิดในระดับใหม่ๆ ได้ คำถามที่ดีจึงมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ คือ
- ทำให้ได้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง (factual information)
 - ทำให้เกิดความเชื่อโยงวามคิดรวบยอดต่างๆได้ (connecting concepts)
 - ช่วยทำให้ได้ข้อสรุปหรือข้อวินิจฉัย (making inferences) ที่สามารถอ้างอิงได้
 - ทำให้ผู้เรียนมีการตระหนักรู้มากขึ้น (increasing awareness)
 - ส่งเสริมความคิดริเริ่มและการคิดแบบจินตนาการ (encouraging creative and imaginative thought)
 - ช่วยให้เกิดกระบวนการคิดเชิงวิพากษ์ (aiding critical thinking processes)
 - ช่วยเหลือผู้เรียนในการสำรวจความรู้ การคิด และการเข้าใจในระดับที่ลึกมากขึ้น (helping learners explore deeper levels of knowing thinking, and understanding)
 
ประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ
วิธีโสเครติสเป็นวิธีสอนแบบหนึ่งที่ส่งเสริมผู้เรียนให้ลง มือปฏิบัติจริง (active learning) สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนทุกระดับการศึกษา และยังสอดคล้องกับแนวนโยบายการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดังนี้
- เป็นการสอนที่เน้นปัญหาเป็นศูนย์กลาง (problem-centered)
 - เป็นวิธีสอนที่สนับสนุนแนวคิดแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
 - ผู้สอนต้องอาศัยความรู้เดิมและประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นพื้นฐานในการค้นหาความรู้
 - ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ไม่ใช่การเรียนโดยการท่องจำ
 - ผู้สอนไม่ใช่ผู้บอกความรู้ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก
 - เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการค้นพบ (learning is discovery)ของผู้เรียนเอง ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ในทุกสถานการณ์