Difference between revisions of "Active learning"
From Knowledge sharing space
								
												
				 (→หลักการของการเรียนรู้แบบActive learning)  | 
				|||
| Line 5: | Line 5: | ||
== หลักการของการเรียนรู้แบบActive learning ==  | == หลักการของการเรียนรู้แบบActive learning ==  | ||
| − | + | วศิณีส์ (2560) ระบุว่ามีหลักการอยู่ 4ข้อคือ  | |
| + | 1. การกระทำโดยตรง    | ||
| − | นอกจากนี้ ทฤษฏีของเพียเจต์   | + | 2. การสะท้อนของการกระทำ   | 
| + | |||
| + | 3. การเสริมแรงภายในการคิดค้นและกิจกรรมทั่วไป   | ||
| + | |||
| + | 4. การแก้ปัญหา   | ||
| + | |||
| + | นอกจากนี้ ทฤษฏีของเพียเจต์ กล่าวว่า ในการเรียนรู้แบบนี้ เด็กกระตือรือร้นในการสร้างองค์ความรู้เพื่อจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วยกระบวนการที่เด็กค้นพบสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง เพียเจต์มองว่าเด็กเป็นนักวิทยาศาสตร์น้อย เด็กแต่ละคนเป็นนักคิด บทบาทของผู้ใหญ่คือการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กตั้งสมมติฐานและมี[[เทคนิคการใช้คำถามเพื่อการคิดวิเคราะห์และการคิดสร้างสรรค์]]ที่เหมาะกับเด็ก (วศิณีส์, 2560)  | ||
== เอกสารอ้างอิง ==  | == เอกสารอ้างอิง ==  | ||
วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education (สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  | วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education (สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  | ||
Revision as of 13:15, 30 May 2018
การเรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำ/การเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น (Active learning)
ความหมาย
คือการที่เด็กสร้างองค์ความรู้จากการลงมือทำกิจกรรมต่างๆ และทำกิจกรรมนั้นๆ อย่างกระตือรือร้น ซึ่งกิจกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาต่างๆ หรือหมายถึงเด็กสร้างองค์ความรู้ผ่านกิจกรรมโดยใช้ร่างกายและจิตใจ เด็กกระตือรือร้นในการตั้งคำถามหรือการเรียนรู้ที่เด็กได้กระทำกับวัตถุ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลความคิดและเหตุการณ์ จนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (วศิณีส์, 2560)
หลักการของการเรียนรู้แบบActive learning
วศิณีส์ (2560) ระบุว่ามีหลักการอยู่ 4ข้อคือ 1. การกระทำโดยตรง
2. การสะท้อนของการกระทำ
3. การเสริมแรงภายในการคิดค้นและกิจกรรมทั่วไป
4. การแก้ปัญหา
นอกจากนี้ ทฤษฏีของเพียเจต์ กล่าวว่า ในการเรียนรู้แบบนี้ เด็กกระตือรือร้นในการสร้างองค์ความรู้เพื่อจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วยกระบวนการที่เด็กค้นพบสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง เพียเจต์มองว่าเด็กเป็นนักวิทยาศาสตร์น้อย เด็กแต่ละคนเป็นนักคิด บทบาทของผู้ใหญ่คือการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กตั้งสมมติฐานและมีเทคนิคการใช้คำถามเพื่อการคิดวิเคราะห์และการคิดสร้างสรรค์ที่เหมาะกับเด็ก (วศิณีส์, 2560)
เอกสารอ้างอิง
วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education (สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.