Difference between revisions of "การใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียนรู้ (Problem-Based Learning: PBL)"
(Created page with "กระบวนการสอนที่ที่ใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียน ประกอบด้วยการเลือ...") |
|||
(4 intermediate revisions by the same user not shown) | |||
Line 1: | Line 1: | ||
− | กระบวนการสอนที่ที่ใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียน ประกอบด้วยการเลือกปัญหาที่ผู้เรียนต้องการแก้ปัญหาในเรื่องที่เรียน แก้ปัญหาด้วยวิธีของตนเอง และเรียนรู้ในการมีทักษะ การมีส่วนร่วมในการทำงานกับผุ้อื่น ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ท้าทายและเป็นการเรียนรู้อย่างกะตือรือร้น | + | |
+ | == แนวคิดและกระบวนการสอน == | ||
+ | |||
+ | กระบวนการสอนที่ที่ใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียน ประกอบด้วยการเลือกปัญหาที่ผู้เรียนต้องการแก้ปัญหาในเรื่องที่เรียน แก้ปัญหาด้วยวิธีของตนเอง และเรียนรู้ในการมีทักษะ การมีส่วนร่วมในการทำงานกับผุ้อื่น ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ท้าทายและเป็นการเรียนรู้อย่างกะตือรือร้น ในระยะแรกการเรียนรู้ด้วยรูปแบบนี้ใช้กับเด็กโตในระดับมัธยทศึกษา หรือสอนนักศึกษาด้านการแพทย์ เพราะเป็นการเรียนที่ศึกษาเพื่อตอบปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งต่อมาการสอนนี้ได้แพร่หลายในการสอนตั้งแต่เด็กอนุบาลถึงมัธยมศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา Samford (2014) และ Barell (2007) ถูกอ้างถึงใน วศิณีส์ (2560) ได้ให้ความหมายว่า PBL เป็นกระบวนการสืบค้นเพื่อแก้ปัญหาสิ่งที่อยากรู้ สงสัย ไม่แน่ใจในเรื่องที่ซับซ้อนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ใช้กลยุทธ์ในการสอนการแก้ปัญหาเป็นฐาน คือ KWHLAQ คือ | ||
+ | |||
+ | K = Knowledge หมายถึง เรารู้อะไรในหัวข้อนี้ | ||
+ | W= Want หมายถึง เราต้องการหาอะไร | ||
+ | H = How หมายถึง เราจะหาคำตอบได้อย่างไร จากที่ไหน จะสืบค้นอย่างไร | ||
+ | L = Learn หมายถึง เราคาดหวังจะเรียนรู้อะไร เราได้เรียนรู้อะไร | ||
+ | A = Apply หมายถึง เราจะนำสิ่งที่เราเรียนรู้ไปใช้ได้อย่างไร ใช้ในชีวิตจริงอย่างไร มีโครงการต่อไปคืออะไร | ||
+ | Q = Question หมายถึง คำถามใหม่ที่เราได้จากการสืบค้นคืออะไร | ||
+ | |||
+ | ต่อมา Wood (2003) ได้กล่าวถึงกระบวนการสอนด้วย PBL ได้แก่ | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 1 ระบุและชี้แจงคำที่ใช้ในสถานการณ์ที่นำเสนอ | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 2 กำหนดปัญหาหรือใช้ปัญหาที่มีอยู่เดิม เด็กแต่ละคนอาจมีมุมมองที่แตกต่าวกัน แต่ทุกคนควรได้รับการพิจารณา เขียนบันทึกรายการปัญหาที่ตกลงกันไว้ | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 3 การระดมสมอง เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหา อธิบายสิ่งที่เป็นไปได้จากพื้นฐานความรู้เดิมใช้ภาพความรู้ของแต่ละคน และหาสิ่งที่ขาด เขียนบันทึกความคิดเห็นทั้งหมด | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบขั้นตอนที่ 2 และ 3 และจัดเรียงคำอธิบายในการแก้ปัญหาเบื้องต้น เขียนคำอธิบายและปรับโครงสร้างเมื่อจำเป็น | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 5 กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 6 ศึกษาเป็นรายบุคคล | ||
+ | |||
+ | ขั้นตอนที่ 7 การนำเสนอจากที่ได้ทำการศึกษา | ||
+ | |||
+ | การใช้ปัญหาเป็นพื้นฐานการสอนเป็นกระบวนการหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนแบบ [[STEM Education]] เพราะเด็กเรียนรู้จากปัญหา ครูสามารถนำปัญหามาให้เด็กช่วยกันคิดและแก้ไข หรือนักเรียนอาจมีข้อสงสัยในปัญหาต่างๆ และครูนำให้เป็นโจทย์ให้นักเรียนคิด และหาทางแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี | ||
+ | |||
+ | == เอกสารอ้างอิง == | ||
+ | |||
+ | วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education(สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. |
Latest revision as of 13:06, 30 May 2018
แนวคิดและกระบวนการสอน
กระบวนการสอนที่ที่ใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียน ประกอบด้วยการเลือกปัญหาที่ผู้เรียนต้องการแก้ปัญหาในเรื่องที่เรียน แก้ปัญหาด้วยวิธีของตนเอง และเรียนรู้ในการมีทักษะ การมีส่วนร่วมในการทำงานกับผุ้อื่น ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ท้าทายและเป็นการเรียนรู้อย่างกะตือรือร้น ในระยะแรกการเรียนรู้ด้วยรูปแบบนี้ใช้กับเด็กโตในระดับมัธยทศึกษา หรือสอนนักศึกษาด้านการแพทย์ เพราะเป็นการเรียนที่ศึกษาเพื่อตอบปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งต่อมาการสอนนี้ได้แพร่หลายในการสอนตั้งแต่เด็กอนุบาลถึงมัธยมศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา Samford (2014) และ Barell (2007) ถูกอ้างถึงใน วศิณีส์ (2560) ได้ให้ความหมายว่า PBL เป็นกระบวนการสืบค้นเพื่อแก้ปัญหาสิ่งที่อยากรู้ สงสัย ไม่แน่ใจในเรื่องที่ซับซ้อนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ใช้กลยุทธ์ในการสอนการแก้ปัญหาเป็นฐาน คือ KWHLAQ คือ
K = Knowledge หมายถึง เรารู้อะไรในหัวข้อนี้ W= Want หมายถึง เราต้องการหาอะไร H = How หมายถึง เราจะหาคำตอบได้อย่างไร จากที่ไหน จะสืบค้นอย่างไร L = Learn หมายถึง เราคาดหวังจะเรียนรู้อะไร เราได้เรียนรู้อะไร A = Apply หมายถึง เราจะนำสิ่งที่เราเรียนรู้ไปใช้ได้อย่างไร ใช้ในชีวิตจริงอย่างไร มีโครงการต่อไปคืออะไร Q = Question หมายถึง คำถามใหม่ที่เราได้จากการสืบค้นคืออะไร
ต่อมา Wood (2003) ได้กล่าวถึงกระบวนการสอนด้วย PBL ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 ระบุและชี้แจงคำที่ใช้ในสถานการณ์ที่นำเสนอ
ขั้นตอนที่ 2 กำหนดปัญหาหรือใช้ปัญหาที่มีอยู่เดิม เด็กแต่ละคนอาจมีมุมมองที่แตกต่าวกัน แต่ทุกคนควรได้รับการพิจารณา เขียนบันทึกรายการปัญหาที่ตกลงกันไว้
ขั้นตอนที่ 3 การระดมสมอง เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหา อธิบายสิ่งที่เป็นไปได้จากพื้นฐานความรู้เดิมใช้ภาพความรู้ของแต่ละคน และหาสิ่งที่ขาด เขียนบันทึกความคิดเห็นทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบขั้นตอนที่ 2 และ 3 และจัดเรียงคำอธิบายในการแก้ปัญหาเบื้องต้น เขียนคำอธิบายและปรับโครงสร้างเมื่อจำเป็น
ขั้นตอนที่ 5 กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้
ขั้นตอนที่ 6 ศึกษาเป็นรายบุคคล
ขั้นตอนที่ 7 การนำเสนอจากที่ได้ทำการศึกษา
การใช้ปัญหาเป็นพื้นฐานการสอนเป็นกระบวนการหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนแบบ STEM Education เพราะเด็กเรียนรู้จากปัญหา ครูสามารถนำปัญหามาให้เด็กช่วยกันคิดและแก้ไข หรือนักเรียนอาจมีข้อสงสัยในปัญหาต่างๆ และครูนำให้เป็นโจทย์ให้นักเรียนคิด และหาทางแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี
เอกสารอ้างอิง
วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2560). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education(สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.