Difference between revisions of "PBL (Project-Based Learning)"
(→การวัดและประเมินผล) |
|||
(4 intermediate revisions by the same user not shown) | |||
Line 1: | Line 1: | ||
− | การจัดการเรียนรู้แบบโครงการเป็นฐาน (Project-Based Learning) | + | '''การจัดการเรียนรู้แบบโครงการเป็นฐาน (Project-Based Learning)''' เป็นการจัดการเรียนการสอนที่นิยมใช้ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย มีความสอดคล้องกับการพัฒนาผู้เรียนใน ศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ดังนี้ |
− | + | ||
== ทฤษฎีและแนวคิดการสอนแบบโครงการ == | == ทฤษฎีและแนวคิดการสอนแบบโครงการ == | ||
Line 7: | Line 6: | ||
*Lenschow (1996) อ้างถึงในวราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์ (2545) อธิบายว่าการเรียนการสอนแบบ โครงการหมายถึงการกระทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ภายในกลุ่มด้วยวิธีการ ปฏิบัติจริง เพื่อการเรียนรู้ การแก้ปัญหาอันจะนำไปสู่ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แสวงหาความรู้และ หาแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านั้น | *Lenschow (1996) อ้างถึงในวราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์ (2545) อธิบายว่าการเรียนการสอนแบบ โครงการหมายถึงการกระทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ภายในกลุ่มด้วยวิธีการ ปฏิบัติจริง เพื่อการเรียนรู้ การแก้ปัญหาอันจะนำไปสู่ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แสวงหาความรู้และ หาแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านั้น | ||
*วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์ (2545) กล่าวถึงการเรียนรู้แบบโครงการว่าเป็นเสมือนสะพานเชื่อม ระหว่างห้องเรียนกับโลกภายนอกซึ่งเป็นชีวิตจริงของผู้เรียน ทั้งนี้เพราะว่าผู้เรียนต้องนำเอาความรู้ที่ได้จาก การเรียนมาบูรณาการเข้ากับกิจกรรมที่กระทำเพื่อนำไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ ด้วยการสร้างความหมาย การแก้ปัญหา และการค้นพบด้วยตัวเอง ผู้เรียนต้องสร้างและกำหนดความรู้จากความคิดและแนวคิดที่มีอยู่ กับแนวคิดและความคิดที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนความรู้ให้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งใหม่ | *วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์ (2545) กล่าวถึงการเรียนรู้แบบโครงการว่าเป็นเสมือนสะพานเชื่อม ระหว่างห้องเรียนกับโลกภายนอกซึ่งเป็นชีวิตจริงของผู้เรียน ทั้งนี้เพราะว่าผู้เรียนต้องนำเอาความรู้ที่ได้จาก การเรียนมาบูรณาการเข้ากับกิจกรรมที่กระทำเพื่อนำไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ ด้วยการสร้างความหมาย การแก้ปัญหา และการค้นพบด้วยตัวเอง ผู้เรียนต้องสร้างและกำหนดความรู้จากความคิดและแนวคิดที่มีอยู่ กับแนวคิดและความคิดที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนความรู้ให้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งใหม่ | ||
+ | *พรพรรณ ไวทยางกูร (2552) ได้กล่าวถึงการสอนแบบโครงงาน มีกิจกรรม 5วิธี ประกอบด้วย | ||
+ | |||
+ | 1. วิธีการอภิปราย ครูเป็นผู้แนะนำเด็ก โดยให้เด็กสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป้นกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ | ||
+ | |||
+ | 2. การศึกษานอกสถานที่ ครูพานักเรียนไปทัศนศึกษานอกห้องเรียนใหล้บริเวณโรงเรียน เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ รวมทั้งได้มีโอกาสสนทนากับบุคคลต่างๆ ในหัวข้อที่เด็กสนใจ เป็นการสร้างประสบการณืเรียนรู้ให้กับเด็ก | ||
+ | |||
+ | 3. วิธีการนำเสนอประสบการณ์เดิม เด็กทบทวนความรู้จากประสบการณ์เดิมในเรื่องที่ตนเองสนใจ | ||
+ | |||
+ | 4. วิธีการสืบค้นจากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย สนทนา ซักถามพ่อแม่ บุคคลในเรื่องที่เด็กให้ความสนใจ การสืบค้นจากห้องสมุด จากเว็บไซต์ หรือจากหนังสือ | ||
+ | |||
+ | 5. วิธีการจัดแสดง ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่นป้ายแสดงผลงาน การสาธิตและการอภิปรายผลเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3ระยะ ได้แก่การเริ่มโครงงาน การพัฒนาโครงงาน และการสรุป โดยกิจกรรมหลักในการในการทำโครงงานมี 4ประเภท ได้แก่ 1) กิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2) กิจกรรมทัศนศึกษา 3) กิจกรรมสืบค้น 4) กิจกรรมนำเสนอผลงาน | ||
+ | |||
+ | *แคส จี ลิเลียน (2012) ถูกอ้างถึงใน วศิณีส์ (2560) ยังได้กล่าวถึงการเรียน STEM ผ่านการทำโครงงานมีจุดมุ่งหมายคือความรู้ความเข้าใจ ทักษะการจัดการ ครูอาจใช้กระบวนการทำโครงงานร่วมกับกระบวนการอื่นๆ เช่น ครูสอนเรื่องพืช หัวข้อที่เด็กสนใจและเลือกเรียน คือ ต้นมะพร้าว ในการเรียนแบบSTEM โดยการใช้กระบวนการทางวิศกรรมศาสตร์ ครูอธิบายต้นมะพร้าวตามแนววิทยาศาสตรืก่อนถึงส่วนต่างๆของพืช คือ ต้นมะพร้าวมีลักษณะอย่างไร โดยศึกษาจากต้นมะพร้างจริงๆในโรงเรียน ครูอาจให้นักเรียนแก้ปัญหาว่า เมื่อเราทานน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวหมดแล้ว เราจะนำกะลามะพร้าวและเปลือกมะพร้าวมาทำประโยชน์อะไรบ้าง? | ||
== การเตรียมตัวของผู้สอน == | == การเตรียมตัวของผู้สอน == | ||
Line 46: | Line 58: | ||
*วิธีการประเมินสามารถทำได้โดย: วิธีการสังเกต, การสัมภาษณ์, ตรวจรายงาน, ตรวจผลงาน, การทดสอบ และนิทรรศการ | *วิธีการประเมินสามารถทำได้โดย: วิธีการสังเกต, การสัมภาษณ์, ตรวจรายงาน, ตรวจผลงาน, การทดสอบ และนิทรรศการ | ||
− | |||
− | |||
== เอกสารอ้างอิง == | == เอกสารอ้างอิง == | ||
วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์. (2545). การนำเสนอรูปแบบการเรียนการสอนบนเว็บ เรื่องการเรียนรู้ แบบโครงการเพื่อการเรียนรู้เป็นทีมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. | วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์. (2545). การนำเสนอรูปแบบการเรียนการสอนบนเว็บ เรื่องการเรียนรู้ แบบโครงการเพื่อการเรียนรู้เป็นทีมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. |
Latest revision as of 11:57, 30 May 2018
การจัดการเรียนรู้แบบโครงการเป็นฐาน (Project-Based Learning) เป็นการจัดการเรียนการสอนที่นิยมใช้ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย มีความสอดคล้องกับการพัฒนาผู้เรียนใน ศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ดังนี้
Contents
ทฤษฎีและแนวคิดการสอนแบบโครงการ
การเรียนรู้แบบโครงการเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ มีผู้กล่าวถึงความหมายไว้ดังนี้
- Lenschow (1996) อ้างถึงในวราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์ (2545) อธิบายว่าการเรียนการสอนแบบ โครงการหมายถึงการกระทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ภายในกลุ่มด้วยวิธีการ ปฏิบัติจริง เพื่อการเรียนรู้ การแก้ปัญหาอันจะนำไปสู่ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แสวงหาความรู้และ หาแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านั้น
- วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์ (2545) กล่าวถึงการเรียนรู้แบบโครงการว่าเป็นเสมือนสะพานเชื่อม ระหว่างห้องเรียนกับโลกภายนอกซึ่งเป็นชีวิตจริงของผู้เรียน ทั้งนี้เพราะว่าผู้เรียนต้องนำเอาความรู้ที่ได้จาก การเรียนมาบูรณาการเข้ากับกิจกรรมที่กระทำเพื่อนำไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ ด้วยการสร้างความหมาย การแก้ปัญหา และการค้นพบด้วยตัวเอง ผู้เรียนต้องสร้างและกำหนดความรู้จากความคิดและแนวคิดที่มีอยู่ กับแนวคิดและความคิดที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนความรู้ให้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งใหม่
- พรพรรณ ไวทยางกูร (2552) ได้กล่าวถึงการสอนแบบโครงงาน มีกิจกรรม 5วิธี ประกอบด้วย
1. วิธีการอภิปราย ครูเป็นผู้แนะนำเด็ก โดยให้เด็กสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป้นกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่
2. การศึกษานอกสถานที่ ครูพานักเรียนไปทัศนศึกษานอกห้องเรียนใหล้บริเวณโรงเรียน เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ รวมทั้งได้มีโอกาสสนทนากับบุคคลต่างๆ ในหัวข้อที่เด็กสนใจ เป็นการสร้างประสบการณืเรียนรู้ให้กับเด็ก
3. วิธีการนำเสนอประสบการณ์เดิม เด็กทบทวนความรู้จากประสบการณ์เดิมในเรื่องที่ตนเองสนใจ
4. วิธีการสืบค้นจากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย สนทนา ซักถามพ่อแม่ บุคคลในเรื่องที่เด็กให้ความสนใจ การสืบค้นจากห้องสมุด จากเว็บไซต์ หรือจากหนังสือ
5. วิธีการจัดแสดง ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่นป้ายแสดงผลงาน การสาธิตและการอภิปรายผลเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3ระยะ ได้แก่การเริ่มโครงงาน การพัฒนาโครงงาน และการสรุป โดยกิจกรรมหลักในการในการทำโครงงานมี 4ประเภท ได้แก่ 1) กิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2) กิจกรรมทัศนศึกษา 3) กิจกรรมสืบค้น 4) กิจกรรมนำเสนอผลงาน
- แคส จี ลิเลียน (2012) ถูกอ้างถึงใน วศิณีส์ (2560) ยังได้กล่าวถึงการเรียน STEM ผ่านการทำโครงงานมีจุดมุ่งหมายคือความรู้ความเข้าใจ ทักษะการจัดการ ครูอาจใช้กระบวนการทำโครงงานร่วมกับกระบวนการอื่นๆ เช่น ครูสอนเรื่องพืช หัวข้อที่เด็กสนใจและเลือกเรียน คือ ต้นมะพร้าว ในการเรียนแบบSTEM โดยการใช้กระบวนการทางวิศกรรมศาสตร์ ครูอธิบายต้นมะพร้าวตามแนววิทยาศาสตรืก่อนถึงส่วนต่างๆของพืช คือ ต้นมะพร้าวมีลักษณะอย่างไร โดยศึกษาจากต้นมะพร้างจริงๆในโรงเรียน ครูอาจให้นักเรียนแก้ปัญหาว่า เมื่อเราทานน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวหมดแล้ว เราจะนำกะลามะพร้าวและเปลือกมะพร้าวมาทำประโยชน์อะไรบ้าง?
การเตรียมตัวของผู้สอน
1. จัดสิ่งแวดล้อมและอำนวยความสะดวกจากครู เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองภายใต้การจัด สิ่งแวดล้อมโดยมีสาระสำคัญดังนี้
- การเลือกหัวหน้าโครงการ
- กิจกรรมในการสอน
- โอกาสแห่งการเรียนรู้ เด็กเป็นผู้เลือก
- ครูเป็นผู้เฝ้าติดตามความสนใจของผู้เรียน
- การจัดนิทรรศการห้องเรียน
- ระยะเวลา
2. ผู้สอนควรปฏิบัติดังนี้
- เปิดโอกาสการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน โดยการสนับสนุน แนะนำ เตรียมสิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นได้
- ครูควรสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยจัดโครงสร้างการเรียน สร้างแบบ แนะนำการทำงานให้แก่ผู้เรียน
- กระตุ้นผู้เรียนในการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการรู้คิดของตนเอง
- ครูควรประเมินความก้าวหน้า วินิจฉัยปัญหาที่เกิด และให้ผลย้อนกลับแก่ผู้เรียน
การวัดและประเมินผล
กรอบแนวการประเมินผล เป็นการประเมินผลตามสภาพจริง เป็นวิธีการการค้นหาความสามารถ และความก้าวหน้าในการเรียนรู้ที่แท้จริง การประเมินผลโครงการมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้ (วราภรณ์, 2545)
- ประเมินอะไร
- 1) การแสดงออกถึงผลความรู้ ความคิด
- 2) ความสามารถ ทักษะ คุณธรรม และค่านิยม
- 3) กระบวนการเรียนรู้
- 4) กระบวนการทำงาน
- 5) ผลผลิต / ผลงาน / ชิ้นงาน
- ประเมินเมื่อใด
- 1) ควรประเมินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้น จนสิ้นสุด
- 2) ตามสภาพจริง และเป็นธรรมชาติ
- ประเมินจากอะไร
- 1) ผลงาน (เอกสาร ชิ้นงาน)
- 2) การทดสอบ
- 3) แบบบันทึกต่าง ๆ (สังเกต ความรู้สึก สัมภาษณ์)
- 4) แฟ้มสะสมงาน
- ประเมินโดยใคร การประเมินสามารถมาจากบุคคลดังนี้
- 1) ตัวผู้เรียน
- 2) เพื่อน
- 3) ครูผู้สอน
- 4) ผู้ปกครอง
- วิธีการประเมินสามารถทำได้โดย: วิธีการสังเกต, การสัมภาษณ์, ตรวจรายงาน, ตรวจผลงาน, การทดสอบ และนิทรรศการ
เอกสารอ้างอิง
วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์. (2545). การนำเสนอรูปแบบการเรียนการสอนบนเว็บ เรื่องการเรียนรู้ แบบโครงการเพื่อการเรียนรู้เป็นทีมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.